เที่ยวญี่ปุ่น สนุก สุขใจ กับมิตรไมตรีที่ “Tohoku” ตอนเหนือ
----------
คิดถึงจี้ปุ่งกันมั้ยยย?
เจ้าโควิดตัวร้ายทำให้เราห่างหายจากแดนอาทิตย์อุทัยไปนานมากๆ เกินไปแล้ววว เพราะฉะนั้น วันนี้ EDTguide เราจะขออาสาพาเพื่อนๆ มาท่องเที่ยวในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ตอนเหนือ ภายใต้คอนเซปต์ “Explore TOHOKU With Smile” เที่ยวสนุก สุขใจ กับมิตรไมตรีที่ “โทโฮคุ” กันน้าาา
โดยจะเป็นทริป 5 วัน 4 คืนที่จะได้พบกับธรรมชาติอันน่าทึ่ง ลิ้มรสอาหารอร่อย สัมผัสวิถีชีวิตอันเป็นอัตลักษณ์ของคนท้องถิ่น รวมถึงความน่ารักในการต้อนรับนักท่องเที่ยวของชาวบ้านที่นี่ จะมัวรอช้าอยู่ทำไมล่ะ? ตามมาชมกันเลยดีกว่าาา
หรือหากใครอยากอ่านบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮเพิ่มเติม สามารถคลิกเข้าไปที่ https://www.jnto.or.th/tohoku2022/ ได้เลย
Day 1 : จังหวัดอาโอโมริ (Aomori)
ก่อนอื่นเราจะต้องนั่งเครื่องจากโตเกียวมาลงที่ สนามบินอาโอโมริ (Aomori Airport) เป็นอันดับแรก และต่อจากนี้ไปทริปแสนสนุกของเราก็จะเริ่มขึ้นแล้วล่ะ ^^
1.พิพิธภัณฑ์โคมไฟทะชิเนปุตะ (Tachineputa Museum)
พิกัด : https://goo.gl/maps/CHaLnSLoLVSVjwoh8
ตั้งอยู่ที่เมืองโกะโชะงะวะระ (Goshogawara) โดยโคมไฟของที่นี่มีเอกลักษณ์ตรงที่เป็นชนิดทรงสูงถึง 23 เมตร นับว่าเป็นต้นแบบของเนบุตะทั้งหมด และยังเรียกว่า “เนปุตะ” (Neputa) ซึ่งแตกต่างจากที่อื่น ภายในนั้นทางพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดอาโอโมริ และสตูดิโอที่สามารถชมการทำโคมไฟได้อย่างใกล้ชิด มีกิจกรรมทำเวิร์กช็อป ”คิงเกียวเนปุตะ (Kingyo Neputa)” หรือเนปุตะปลาทอง โดยมีคุณครูคอยให้คำแนะนำ และดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนจบชิ้นงานอย่างใกล้ชิด
2.ร้านชิเกะซูชิ (Shige zushi)
พิกัด : https://goo.gl/maps/oXwfCWuXu1b4HXm46
ร้านซูชิท้องถิ่นที่เปิดมานานกว่า 40 ปี เน้นใช้วัตถุดิบสดใหม่ มีเมนูขึ้นชื่อทั้งหมด 4 เมนู ที่หาทานไม่ได้จากที่ไหน ได้แก่ "ยัตเตะมาเระด้ง (Yatte Mare Don)" ข้าวหน้ารวมมิตรทะเล คำว่า “ยัตเตะมาเระ” เป็นภาษาท้องถิ่น แปลว่า "สู้ ๆ" "นาดาเระมากิ (Nadare Maki)" ข้าวปั้นชิ้นพอดีนำมาซ้อนเป็นทรงสูง คำว่า “นาดาเระ” หมายถึง การไหล สื่อถึงท็อปปิ้งที่พูนจานจนไหลลงมา "โมสึเคะมากิ (Motsuke Maki)" ข้าวห่อสาหร่ายทรงกระบอกขนาดใหญ่ใส่เครื่องแน่น ๆ หลากสีสัน คำว่า “โมสึเคะ” หมายถึง คนที่ชอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนฝูง และ ”มากุโระคะรุบิด้ง (Maguro Karubi Don)” เมนูข้าวหน้าปลามากุโระลนไฟ
3.บริการพายแอปเปิ้ลแท็กซี่ (Apple Pie Taxi)
พิกัด : https://goo.gl/maps/x3bnJRkYHPU5vCps5
เมืองฮิโระซะกิ (Hirosaki) ได้รับฉายาว่าเป็น “เมืองแห่งแอปเปิ้ล” เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตแอปเปิ้ลที่มีปริมาณมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในเมืองมีร้านแอปเปิ้ลพายมากถึง 50 ร้าน หากไม่รู้ว่าจะเลือกทานร้านไหน สามารถใช้บริการแท็กซี่ท้องถิ่น “Apple Pie Concierge” ที่จะพาไปสรรหาพายแอปเปิ้ลแสนอร่อย เพียงแค่บอกความต้องการว่าชอบทานพายแอปเปิ้ลแบบไหน คนขับก็จะพาไปถึงหน้าร้านทันที คนขับเหล่านี้จะเป็นผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านพายแอปเปิ้ลโดยเฉพาะ ระหว่างทางจะมีการเล่าถึงรายละเอียดของแต่ละร้าน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองฮิโระซะกิด้วย
4.รถไฟรีสอร์ตชิราคามิ (Resort Shirakami)
พิกัด : https://goo.gl/maps/k7oPsLfPuogeQJ7Z9
รถไฟรีสอร์ตชิราคามิ (Resort Shirakami) เป็นหนึ่งในขบวนรถไฟ Joyful Train วิ่งระหว่างสถานี Aomori และสถานี Akita จะวิ่งเลียบหาดของเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) ที่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO หากวันไหนท้องฟ้าสดใสจะได้เจอพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อย ๆ ตกลงไปในท้องทะเล มีกิจกรรมพิเศษบนขบวนอย่างการแสดงดนตรีโดยใช้เครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า สึกะรุซามิเซ็ง (Tsugaru Shamisen) การเล่าเรื่องตำนานท้องถิ่น และละครหุ่นเชิดแบบดั้งเดิมของผู้คนในท้องถิ่นนี้
5.โคะกะเนะซะกิ ฟุโรฟุชิ อนเซ็น (Koganezaki Furofushi Onsen)
พิกัด : https://goo.gl/maps/nabaZ26KAhCtbXnh8
โดดเด่นด้วยบ่ออนเซ็นกลางแจ้งตั้งอยู่ริมทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ช่วงก่อนพระอาทิตย์ตก เป็นช่วงเวลาที่หลายคนต่างลงมาแช่อนเซ็น และตั้งตารอชมแสงสีทองของดวงอาทิตย์สะท้อนน้ำทะเล น้ำอนเซ็นแห่งนี้มีแร่เหล็กปนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้น้ำเป็นสีน้ำตาล และมีกลิ่นเหล็กโชยออกมา มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดหลัง และระบบประสาทต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ มื้ออาหารทางโรงแรมเน้นคัดสรรวัตถุดิบในท้องถิ่นอย่างดีมาเสิร์ฟ วัตถุดิบที่น่าสนใจคือ ฟุคะอุระ ยุกิ – นินจิน (Fukaura Yuki Ninjin) เป็นแครอทที่รสชาติหวานกว่าแครอททั่วไปเพราะเจริญเติบโตใต้หิมะปกคลุม
Day 2 : จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) และจังหวัดอาคิตะ (Akita)
1.เทือกเขาชิราคามิซันจิ (Shirakami Sanchi)
พิกัด : https://goo.gl/maps/REZpigPvck6hEewY9
ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเป็นที่แรกของญี่ปุ่น บริเวณเทือกเขารายล้อมด้วยผืนป่าต้นบีชโบราณ มีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง การเดินป่าตามฤดูกาล โดยจะมีให้เลือกทั้งคอร์สสั้นสำหรับมือใหม่ ไปจนถึงคอร์สยาว คอร์สที่แนะนำในครั้งนี้คือ คอร์ส "World Heritage Beech Forest Trail" ตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงพอดี ทำให้ผืนป่ากำลังผลัดใบเป็นสีส้ม สลับแดง แต่งแต้มให้บรรยากาศมีชีวิตชีวา ระหว่างทางไกด์จะอธิบายถึงภูมิศาสตร์ และพาไปชมทะเลสาบอะโออิเคะ (Blue Pond) สีฟ้าใส และทะเลสาบอื่น ๆ อีกด้วย
2.ร้านโชคุจิ โดโคโระ ฮะมะยู (Shokuji Dokoro Hamayu)
พิกัด : https://goo.gl/maps/BiP7q94iiDAWRxmM8
ร้านอาหารที่มีเมนูที่ทำจากปลาฮิราเมะ (Hirame) หรือปลาตาเดียว ของขึ้นชื่อของจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) อย่าง “ข้าวหน้าปลาฮิราเมะดอง (Hirame-zuke don)” ปลาฮิราเมะของเมืองอะจิกะซาวะ (Ajigasawa) เป็นปลาที่อาศัยอยู่บริเวณที่มีน้ำจากเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) ไหลมาบรรจบ ทำให้เนื้อปลามีความอร่อยเป็นพิเศษ และอุดมไปด้วยคอลลาเจน
3.สวนนาคะโนะ โมมิจิยามะ (Nakano Momijiyama)
พิกัด : https://goo.gl/maps/13SM2zm8ppKRh1i27
สวนเก่าแก่ขึ้นชื่อเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคโทโฮคุ ในอดีตได้มีการนำต้นเมเปิ้ลมากกว่า 100 สายพันธุ์จาก
เกียวโต (Kyoto) มาปลูก จึงทำให้ทัศนียภาพของผืนป่าแห่งนี่สวยเหมือนกับที่อะระชิยะมะ (Arashiyama) และได้รับขนานนามเป็น ลิตเติ้ล อะระชิยะมะ (Little Arashiyama) โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ต้นเมเปิ้ลจะพร้อมใจกันผลัดใบเป็นสีส้มปนแดง แต่งแต้มให้น้ำตก และลำธารมีภายในสวนมีสีสันให้น่ามองมากยิ่งขึ้น จุดถ่ายภาพยอดนิยมจะคือโค้งน้ำของแม่น้ำนาคะโนะ (Nakano River) ไหลผ่านเป็นตัวรูปตัว U มีภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยสีสันของใบเมเปิ้ลเป็นฉากหลัง
4.นั่งเรือ RIB ล่องทะเลสาบโทวะดะ (RIB Boat in Lake Towada)
พิกัด : https://goo.gl/maps/NqczKTSQn7w7kfmt6
ทะเลสาบโทวะดะ (Lake Towada) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮอนชู (Honshu) สามารถทำกิจกรรมนั่งเรือยางท้องแข็งที่เรียกสั้น ๆ ว่า RIB เป็นเรือที่พัฒนามาจากเรือยางเป่าลม สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ขณะที่เรือแล่นด้วยความเร็วสูง หรือทุกครั้งที่เลี้ยวโค้ง มีคลื่นกระทบเรือจะโยกไปมาแบบตื่นเต้นสนุกราวกับว่านั่งเครื่องเล่นในสวนสนุกเลยก็ว่าได้ ถือเป็นอีกประสบการณ์ล่องเรือชมทะเลสาบที่สายแอดเวนเจอร์ห้ามพลาด!
5.ยุเซะ อนเซ็น (Yuze Hotel Resort)
พิกัด : https://goo.gl/maps/jcpiNhSH9bBjjkYU7
การตกแต่งภายในโรงแรมเน้นใช้วัสดุที่ทำจากไม้เป็นหลักให้ความรู้สึกอบอุ่นใกล้ชิดธรรมชาติ ภายในห้องพักมีบ่ออนเซ็นส่วนตัวในห้อง สามารถนอนแช่น้ำพร้อมชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่ระเบียง น้ำอนเซ็นมีความเป็นด่างสูงถึง 9.1 เชื่อกันว่าถ้าได้แช่ 2 -3 ครั้ง จะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสมากยิ่งขึ้น อาหารที่แนะนำคือหม้อไฟคิริทัมโปะ (Kiritanpo) เมนูขึ้นชื่อของจังหวัดอาคิตะ และฮะจิมันไตพอร์ค (Hachimantai Pork) หมูแบรนด์ท้องถิ่น
Day 3 : จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) และจังหวัดอาคิตะ (Akita)
1.เดินไฮกิ้งที่ฮะจิมันไต (Nature Guide Station, Hachimantai Mountain Hotel)
พิกัด : https://goo.gl/maps/Cx6D47wvRpBGVXPr7
ฮะจิมันไต (Hachimantai) เป็นพื้นที่ภูเขาไฟที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัดอิวาเตะ และอาคิตะ ในแต่ละฤดูกาลทิวทัศน์ของที่นี่มีความสวยงามแตกต่างกันไป โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สามารถเดินป่าชมใบไม้เปลี่ยนสีเพลิน ๆ ได้ และยังชมทัศนียภาพแปลกตาของธารลาวาของภูเขาอิวาเตะ เป็นลานลาวาหินสีดำที่แผ่เป็นบริเวณกว้างกว่า 1.5 กิโลเมตร และ ยาวถึง 3 กิโลเมตร หากมาช่วงที่หิมะปกคลุมอาจจะพบเห็นรอยเท้าของสัตว์ป่าต่าง ๆ เช่น กระรอก กระต่าย สุนัขจิ้งจอก และแรคคูน
2.ฟาร์มโคอิวาอิ (Koiwai Farm Makibaen)
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/CEiRrdSXCygp94VKA
ฟาร์มแห่งนี้มีขนาดกว้างขวางถึง 30 ตารางกิโลเมตร เป็นสถานที่แนะนำสำหรับมาเที่ยวกับครอบครัว เพราะมีกิจกรรมมากมายให้เพลิดเพลินเช่น นั่งรถชมฟาร์ม ชมการแสดงของแกะและสุนัขแสนรู้ กิจกรรมขี่ม้า เวิร์กชอปทำชีส งานคราฟท์ สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพต้องไปชมทุ่งดอกไม้สวย ๆ ตามฤดูกาล นอกจากจะเป็นที่รู้จักในฐานะฟาร์มโคนม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมสด ๆ และผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ ต้องไปพลาดชิมเมนูปิ้งย่าง ซึ่งมีทั้งเนื้อแกะ เนื้อวัว เนื้อหมูให้เลือก
3.ศาลเจ้าโกะซะโนะอิชิ (Gozanoishi Shrine)
พิกัด : https://goo.gl/maps/tQiNuhZVyZPfncy9A
ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบทะซะวะ (Lake Tazawa) โดดเด่นด้วยเสาโทริอิสีแดงสดขนาดใหญ่ยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลสาบ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 อันดับทิวทัศน์ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นทะเลสาบมีความลึกมากที่สุดในญี่ปุ่นถึง 423.4 เมตร ตามตำนานเล่าขานว่ามีหญิงสาวนามว่าทัตสึโกะ (Tatsuko) มาขอพรเรื่องความงาม ภายหลังได้กลายเป็นเทพธิดาแห่งความงามสถิตอยู่ในศาลเจ้าแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของการสักการะขอพรเรื่องความงาม และที่ริมทะเลสาบจึงมี "รูปปั้นทัตสึโกะ" เป็นรูปปั้นหญิงสาวสีทองยืนอยู่ริมทะเลสาบอันกว้างใหญ่ด้วย
4.ยามะโนะคะมิ อนเซ็น เบชโช เซริวคัง (Yamanokami Onsen Bessho Seiryukan)
พิกัด : https://goo.gl/maps/sbcqEvzdTkusjGvFA
เป็นที่พักซึ่งตั้งอยู่ที่แหล่งอนเซ็นยามะโนะคะมิ อนเซ็น มีห้องพักทั้งหมด 20 ห้อง และทุกห้องจะมีบ่ออนเซ็นส่วนตัวที่ทำมาจากไม้ฮิบะ (Hiba) ให้กลิ่นหอมขณะแช่ น้ำร้อนของที่นี่มีค่า pH สูงถึง 9.3 มีความหนืดเล็กน้อยคล้ายกับน้ำตบ จึงได้รับฉายาว่า “บิจินโนะยุ” (Bijin no Yu) หรือ น้ำร้อนแห่งความงาม เมื่อแช่แล้วจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น และมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคเหน็บชา อาการปวดกล้ามเนื้อ
Day 4 : จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) และจังหวัดอาคิตะ (Akita)
1.โรงงานเครื่องเหล็กอิวาชูนัมบุ (Iwachu Nambu Cast Iron)
พิกัด : https://g.page/iwachu?share
มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี ผลิตเครื่องเหล็กนัมบุซึ่งเป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิม โดยน้ำที่ถูกนำมาต้มในกาเหล็กนี้จะให้สัมผัสที่ไหลลื่น และมีรสชาติกลมกล่อม เนื่องจากในกาต้มน้ำนั้นมีส่วนผสมของธาตุเหล็กที่สามารถสลายตัวออกมาเมื่อโดนน้ำร้อน ภายในโรงงานมีการจัดแผนผังคล้ายกับการไปเที่ยวสวนสนุก โดยผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมโรงงานสามารถเยี่ยมชมกระบวนการผลิตได้อย่างใกล้ชิดโดยไม่เสียค่าเข้าชม อีกทั้งยังมีแกลเลอรีสินค้าหลากหลายชนิดที่มีรูปแบบที่ทันสมัยให้เลือกซื้อกลับบ้านเช่น กาน้ำ ที่ดริปกาแฟ กระดิ่งลม เป็นต้น
2.สวนซากปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Ruins Park)
พิกัด : https://goo.gl/maps/WjKTU9UuXevra5RM8
สวนแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทโคซุคาตะ (Kozukata Castle) ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 อันดับสวนทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอีกด้วย ที่นี่มีความสวยงามแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ฤดูกาลที่อยากแนะนำเป็นพิเศษคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณบ่อน้ำคาเมะกะอิเคะ (Kamegaike) ข้างปราสาท เป็นหนึ่งจุดไฮไลท์ที่ควรมาถ่ายภาพ บริเวณนี้จะมีต้นแปะก๊วยที่มีใบสีเหลืองอร่ามร่วงหล่นบนพื้นราวกับพรมสีเหลือง และถ้าเดินข้ามสะพานมาฝั่งตรงข้ามก็จะพบกับพรมสีแดงของใบเมเปิ้ลสีแดงสดใส สามารถชมทั้งใบเมเปิ้ล และใบแปะก๊วยพร้อมกัน
3.ร้านวะกะนะ สาขาหลัก (Wakana Honten)
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Pp4ZYkh7PFu9JXXd7
ร้านเทปปังยากิ (Teppanyaki) ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในจังหวัดอิวาเตะ เน้นคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีในท้องถิ่นที่มีตามฤดูกาล นำมาปรุงอาหารเพื่อชูรสความอร่อยของวัตถุดิบนั้นให้ได้มากที่สุด และต้องการให้ลูกค้าได้รับความเพลิดเพลินจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ในขณะที่ทานอาหารไปพร้อมกัน คอร์สอาหารกลางวันประจำเดือนที่แนะนำเป็น คอร์ส B ราคา 4,070 เยน จะมีสลัดผัก ปลาแซลมอนรมควัน ซุป ผักย่าง เมนูจากปลา และสเต็กซึ่งทางร้านเสิร์ฟเนื้อวากิวพันธุ์อิวาเตะเขาสั้น (Iwate Shorthorn Wagyu Beef) (ขนาด 70 กรัม) โดยเชฟจะเป็นผู้เลือกส่วนของเนื้อให้ ส่วนใครที่ไม่รับประทานเนื้อวัว สามารถเลือกทานเมนูอื่น ๆ อย่างปลา หรืออาหารทะเลได้
ขนมไข่นกนางนวล ขนมชื่อดังอันดับ 1 ของจังหวัดอิวาเตะ
4.ศูนย์การค้าเฟซัน (Fes"an)
พิกัด : https://goo.gl/maps/jz82Y5sdeGtoezXq88
ศูนย์การค้าที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี JR Morioka ภายในศูนย์การค้ามีร้านค้ามากมายจำหน่ายตั้งแต่เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง สินค้าในชีวิตประจำวัน รวมทั้งยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่สามารถหาทานเมนูขึ้นชื่อของเมืองโมริโอกะ (Morioka) เช่น บะหมี่เย็นโมริโอกะ (Morioka Reimen) วังโคะโซบะ (Wanko Soba) ได้ และที่นี่ยังมีร้านขายของฝากที่จำหน่ายสินค้าขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ เช่น ขนมไข่นกนางนวล (Kamome no Tamago) ขนมขึ้นชื่ออันดับ 1 ของจังหวัดอิวาเตะ, ขนมนัมบุเซมเบ (Nambusembei) เป็นขนมกรอบพื้นเมือง
5.ฟาร์มอินน์ มิโดริโนะคะเซะ (Farm inn midori no kaze)
พิกัด : https://goo.gl/maps/HsymM7oowFtD4ZEEA
ฟาร์มสเตย์แห่งนี้มีเจ้าของเป็นคุณลุงคุณป้าที่รอให้การต้อนรับที่แสนอบอุ่น และเป็นกันเอง ตัวบ้านมีอายุราว20 ปี เป็นบ้านสไตล์คอทเทจ 2 ชั้น สำหรับเมนูอาหารที่เสิร์ฟจะเป็นเมนูอาหารท้องถิ่น ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และผักที่ปลูกเองในสวน เช่น หม้อไฟคิริทัมโปะ (Kiritanpo) ใส่ไก่บ้านฮิไน (Hinai Chicken) เมนูขึ้นชื่อในจังหวัดอาคิตะ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปที่หลากหลายเช่น กิจกรรมเวิร์กช็อปทำลูกพลับตากแห้งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หรือการทำเมนูคิริทัมโปะย่าง ซึ่งสามารถมาทำได้ตลอดทั้งปี
Day 5 : จังหวัดอาคิตะ (Akita)
1.เกสต์เฮาส์สุนัขอาคิตะ (Guest house ENISHI)
พิกัด : https://goo.gl/maps/pWdQqndMnWCLkoDt7
เกสต์เฮาส์นี้ได้รับการรีโนเวทมาจากบ้านเก่าอายุ 50 ปี ตั้งอยู่บริเวณใจกลางหมู่บ้านซามูไรคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate Samurai District) ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นบ้านของซามูไรเมื่อหลายร้อยปีก่อน คอนเซ็ปต์ของเกสต์เฮาส์นี้คือการให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับบรรยากาศรอบ ๆ หมู่บ้านโบราณ และได้ใกล้ชิดกับสุนัขพันธุ์อาคิตะ นอกจากผู้ที่เข้าพักในเกสต์เฮาส์แล้วผู้ที่ไม่ได้เข้าพักก็สามารถพาสุนัขพันธุ์อาคิตะเดินเล่นรอบหมู่บ้านซามูไรคะคุโนะดาเตะได้เช่นกัน ระหว่างที่พาไปเดินเล่นเจ้าของเกสต์เฮาส์จะเดินไปเป็นเพื่อน พร้อมช่วยแนะนำจุดถ่ายรูปต่าง ๆ ให้ด้วย ถูกใจคนที่ชื่นชอบสุนัขพันธุ์อาคิตะอย่างแน่นอน
2.ตลาดชุมชนเมืองอาคิตะ (Akita Citizen’s Market)
พิกัด : https://goo.gl/maps/JBWtESXKyHKsJwTG8
ตลาดชุมชนเมืองอาคิตะเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในเมือง ช่วยให้เราเข้าใจวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่น ทั้งยังสามารถเลือกซื้อวัตถุดิบสดใหม่จากในท้องถิ่นได้ ตลาดนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ตี 5 ถึง 6 โมงเย็น ภายในแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ เช่น โซนผักผลไม้ โซนอาหารทะเล โซนดอกไม้ รวมไปถึงโซนร้านอาหาร สินค้าแนะนำที่คนนิยมมาซื้อ ได้แก่ แอปเปิ้ลสด ๆ ที่ปลูกในจังหวัดอาคิตะ พวงไข่ปลาแซลมอน รวมไปถึงเซตผักนานาชนิดที่ปลูกในท้องถิ่น และเซตสำหรับทำหม้อไฟคิริทัมโปะ เป็นต้น
3.ร้านซาโตะ โยสุเคะ โชเท็น (Sato Yosuke Shoten)
พิกัด : https://g.page/satoyosuke-akita-inaniwaudon?share
ส่งท้ายทริปกันที่ ร้านต้นตำรับของอินานิวะ อุด้ง (Inaniwa Udon) เป็นเมนูขึ้นชื่อของจังหวัดอาคิตะ เจ้าของร้านรุ่นแรกเป็นผู้คิดค้นเทคนิคการทำเส้นอินานิวะ อุด้ง เป็นคนแรกในปี ค.ศ. 1665 เมนูที่ให้รสชาติแบบดั้งเดิมขอแนะนำ เซ็ตเมนูอินานิวะ อุด้งแบบเย็น มีน้ำจิ้มออริจินอล และ น้ำจิ้มซอสงาแบบเข้มข้น หรือถ้าอยากทานเปรียบเทียบทั้งสองแบบก็มีเซ็ตเมนูอินานิวะ อุด้งที่มีทั้งแบบเย็น และร้อน อีกทั้งยังมีเมนูชุดที่เสิร์ฟคู่กับแกงเขียวหวาน และต้มยำกุ้งน้ำข้นอีกด้วย รสชาติเหมือนทานขนมจีนแกงเขียวหวานในรูปแบบของเส้นญี่ปุ่น
และตอนนี้เราก็มาอยู่ที่สนามบินอาคิตะ (Akita Airport) กันแล้ว สำหรับทริปนี้ต้องยอมรับเลยว่า ทำให้เราหลงรักมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลของภูมิภาคโทโฮคุตอนเหนือเข้าอย่างจังเลยล่ะ สถานที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลาย และสวยงาม, อาหารการกินก็อร่อยจนแทบไม่อยากวางตะเกียบ แถมนิสัยของคนที่ยังเป็นมิตรมากๆ อบอุ่นเหมือนมาเที่ยวบ้านญาติ หรือบ้านเพื่อนยังไงอย่างงั้น เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินเมื่อมาเยือนญี่ปุ่น ที่อยากให้เพื่อนๆ ได้มาสัมผัสความฟินกันดูซักครั้งนะคร้าบบบ
Finding your passion
#edtguide #มาที่เดียวได้ทั้งเที่ยวได้ทั้งกิน #รีวิวกับedt #เน้นรีวิว
#ไปเที่ยวก็อยากกิน #ไปกินก็อยากเที่ยว