ไปกันข่ะ เที่ยวลั๊นลา l ตาดูดาว l เท้าจุ่มน้ำ l ตามใจฉัน l 2 วัน 1 คืน l ทริปนี้เริ่มจากการทำงานหนักก็จะเพ้อๆ หน่อย เลยคุยกันว่า ไปเที่ยวกันมั้ย จะปายก็รีบปายยย ปายรีบเคลียร์งานหาวันว่างแล้วออกไปเตะขอบฟ้ากันเถอะเพราะไม่ไหวล้าวว และที่เล็งไว้ต้องไม่ไกลกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด เพื่อที่จะได้ใช้เวลาพักผ่อนให้เต็มที่มากที่สุด และหัวหินคือสถานที่ที่ลงตัวที่สุด!
ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของการเดินทางในทริปนี้คือ The Spirit Huahin เพราะอยากไปนอนฟินห้อง Pool Villa กินบาบีคิว ซีฟู๊ดดดด แบบจัดหนักพักผ่อนนอนกินกันให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย แต่ไหนๆ ก็ไปหัวหินกันแล้ว ระหว่างเดินทางไปโรงแรม ขอแวะสนุกกันที่ พิพิธภัณฑ์ภาพ 4 มิติ For Arts Sake กันก่อน จะได้มีภาพฮาๆ กลับมาเป็นที่ระลึก
ก่อนเข้าไปด้านใน ตามธรรมเนียมก็ต้องซื้อบัตรก่อนนะจ๊ะ ซึ่งราคาจะแบ่งออกเป็น ราคาคนไทย อยู่ที่ 180 บาท (ผู้ใหญ่) 120 บาท (เด็ก) และราคาสำหรับชาวต่างชาติ 300 บาท (ผู้ใหญ่) 200 บาท (เด็ก) ส่วนเด็กที่สูงไม่เกิน 100 ซม. เข้าฟรีไปเลยจ้า ดูอย่างงี้อาจรู้สึกว่าราคาสูงไปสักหน่อย แต่ลองเข้าไปดูด้านในกันก่อนแล้วจะต้องคิดใหม่เลยล่ะ
พิพิธภัณฑ์ภาพ 4 มิติ For Arts Sake เปิดมาแล้ว 3 ปี มีความน่าสนใจตรงที่ภาพทั้งหมดในนี้เป็นฝีมือการครีเอทและวาด โดยคณะอาจารณ์มหาวิทยาลัยศิลปากร และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใช้เวลาวาดหนึ่งภาพต่อหนึ่งเดือนเลยนะ ซึ่งสำหรับเราภาพปกติจะวาดให้สวยก็ยากอยู่แล้ว นี่วาดให้เป็นมุมมองของ 3 มิติไปอีก เราถึงกับอึ้ง ทึ่งกันไปเลย
ที่นี่มี 2 ชั้นด้วยกัน แบ่งออกเป็นโซน Highlights คือ โซนภาพเหนือจินตนาการ, โซนย้อนวัยเด็ก, โซนหัวหิน, โซนภาพสยองขวัญ และโซนห้องกลับหัว สนุกสนานกรี๊ดกร๊าดกันไปสำหรับโซนนี้
นี่ก็เล่นกันซะเนียนเลย ไม่รู้กลัวปลอมหรือกลัวจริงๆ เหมือนจัดเลย 5555
อีกโซนนึงคือโซน Specials ก็จะมี Mirror Climb, อาคารลวงตา, บันไดเปียโน, หุ่นปั้นตัวขาด, Fairy Wall และอื่นๆ อีกมากมาย ที่วาดซะสมจริงสมจังเหมือนหลุดเข้าไปในภาพวาดเลย เห็นมีแค่ 2 ชั้นแบบนี้แต่เล่นเอาเหนื่อยเลยนะ เพราะมีมากมายหลายภาพ แค่วิ่งแอคท่าโซนเดียวก็หอบแฮ่กๆ แล้ว
และถ้าคิดว่าแล้วชั้นจะแอคท่ายังไงมันถึงจะออกมาได้อย่างงี้ ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ เพราะเขามีไกด์คอยสอนแอคติ้งให้ พร้อมอธิบายด้วยว่าโซนนี้มุมไหนฮอตสุด โซนไหนมาแล้วห้ามพลาด ส่วนที่เหลือก็ครีแอทมุขกันไปแล้วแต่ถนัด หนุกหนาน x2 กันไปเลย
นอกจากมีความสนุกในการครีเอทท่าทางแล้ว ยังดื่มด่ำกับภาพวาดสวยๆ ด้วย ถ้าไม่บอกว่านี่เป็นภาพวาดก็จะนึกว่าเป็นวอลล์เปเปอร์ไปเลยนะ
ภาพนี้เป็นการถ่ายที่สบายที่สุด นอนไปเลยจ้า แอคท่ากันตามสบาย 555
ถ่ายรูปกันเหนื่อยๆ ด้านนอกก็มีคาเฟ่รออยู่นะจ๊ะ ใครที่มาแล้วมัวถ่ายรูปสนุกหัวเราะกันจนคอแห้ง ก็ออกมาสั่งเครื่องดื่มนั่งชิลล์กันได้ ทั้งเครื่องดื่ม และเบเกอรี ราคาไม่แรงและอร่อยด้วยค่ะ
For Arts Sake
22/141 ถ.เพชรเกษม อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โทร. 0 3252 0699
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 10.00 - 20.00 น.
ขับรถออกมาจาก พิพิธภัณฑ์ภาพ 4 มิติ For Arts Sake ไม่ไกลไล่มาตาม ถนนเพชรเกษม เส้นที่จะไปทางปราณบุรี จับ GPS ที่ ซ.หัวหิน 134 เจอแล้วตบไฟเลี้ยวขวาเข้าไปตามทางเลย ก็เจอแล้วเป้าหมายสูงสุดของเรา The Spirit Huahin อุวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ทันทีที่มาถึง Welcome Drink ก่อนเลยจ้า พนักงานที่ฟร้อนท์ยิ้มแย้มแจ่มใส และดูแลเราอย่างเป็นกันเองมากๆ ทั้งช่วยยกสัมภาระจากรถนำมาไว้ที่รถกอล์ฟ แล้วพาเรามาพักผ่อนที่ล็อบบี้ดื่มน้ำเย็นๆ ให้ชื่นใจ ชมวิวทิวทัศน์บริเวณรอบๆ ให้หายเหนื่อยจากการเดินทางซะก่อน
เรานั่งชิลล์มองวิวไปให้ทั่วๆ บอกเลยคือดีย์ ลมพัดเย็นสบายมากๆ แอบชะเง้อมองเข้าไปด้านในรีสอร์ทเห็นมีแต่สีเขียวๆ เต็มไปหมดจนอดใจไม่ไหว ขอสลัดความเหนื่อยล้ากระโดดขึ้นรถกอล์ฟ แล้วบอกว่าขอเช็คอินเข้าที่พักเลยดีกว่าค่ะขุ่นพรี่
แถมในส่วนของรถกอล์ฟนั้นช่างดีงามไปอีก เพราะบริการตลอด 24 ชั่วโมงเลยจ่ะ ต้องการให้บริการช่วงไหนกดเรียกจากห้องพักได้เลย ขอร้องเพลงแพล้บบ..บ..บ ไม่เอานะเกรงจาย ไม่ดีหรอกเกรงจาย คงไม่กล้าเรียกพี่เขาขนาดน้านนน แต่แค่รู้อย่างนี้ก็อุ่นใจแล้วค่ะ บริการดีเยี่ยมจริงๆ
ว้าวววว ถึงล้าวววว ห้องพักเราคืนนี้! มีความว้าวดัง! ว้าวแรง! ที่พัก Pool Villa ระบบสระน้ำเกลือ บรรยากาศโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ด้านหลังติดเขาล้าน ด้านหน้าวิวทะเล ทางรีสอร์ทแอบกระซิบเราว่าหากตื่นเช้าแล้วขึ้นไปที่ดาดฟ้าจะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมากๆ และถ้าโชคดีมองไปที่เขาล้าน อาจเจอนกยูง หรือเลียงผาครอบครัว 3 ตัว ออกมายืนรับแสงอาทิตย์ยามเช้าด้วยล่ะ
นอกจากด้านนอกจะมีความวิวดีลมพัดเย็นสบายตลอดเวลาแล้ว เข้ามาด้านในก็เลอค่าไม่แพ้ด้านนอก! เพราะโอ่โถง กว้างขวาง เรียบหรู และดูดีสุดๆ ชอบมากตรงเฟอร์นิเจอร์ไม้ตัดกับห้องสีขาว พร้อมประตูกระจกใสบานใหญ่ที่สามารถมองวิวสวยๆ ด้านนอกได้แบบไม่มีอะไรบดบังสายตา มันให้ความรู้สึกเรียบเก๋แต่ก็ดูอบอุ่นในขณะเดียวกัน
ส่วนหมอนนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นหมอนขนเป็ด ที่นอนสปริงหนานุ่ม ดีงามจนอยากขอใช้คำว่า เตียงดูดวิญญาณกันไปเลย ดีมว๊ากกกอะไรปานเน๊
นั่งเล่นชื่นชมกับวิว 360 องศาที่หน้าบ้านไปเพลินๆ จนเกือบหลับ นึกได้ว่าเลยมื้อเที่ยงมาแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา คิดปุ๊บหิวปั๊บเลยชวนกันเดินมานั่งฟินกันต่อที่ห้องอาหาร The Moment Gallery and Bar และ ณ จุดนี้ฟินคูณสอง คูณสามกันไปเลยค่ะท่านผู้ชม
โอ้ลัลล้า โอ้มายก็อต วิวสุดยอดมาก! เพราะจากบนห้องอาหารสามารถมองเห็นทะเล และภูเขาได้ชัดเช่นกัน พร้อมลมพัดเย็นสบายหนักกว่าเดิม ทุกมุมทุกองศาสามารถรีเล็กซ์ได้เต็มที่กับธรรมชาติ แอบเก๋ที่ใจกลางห้องอาหารมีต้นมะขามต้นใหญ่ยักษ์ที่ทางรีสอร์ทยังคงอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ได้ที่แปลงนี้มา โดยสร้างห้องอาหารคร่อมแบบมีเค้าตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์ไม้ ดูมีเสน่ห์ไปอี๊ก
ป่ะ! พร่ำเพ้อกับทัศนียภาพอันบรรเจิดก็เกิดความหิวขึ้นมา นึกถึงอาหารที่สั่งไปเขาก็ยกมาวางตรงหน้าพอดี บอกก่อนว่าอาหารที่นี่เป็นสไตล์ฟิวชั่นและมีเมนูให้เลือกหลากหลายมาก เราเลยต้องใช้สติแล้วขอคัดตัวเป้งมาลิ้มลองก่อนเลย เริ่มที่เมนูแรกกันเลยดีกว่า
ไม่เคยกินและอยากชิมมากด้วยความที่เราเป็นสาวกปลาร้าจึงขอสั่งมาลองก่อนเลย ทันทีที่เข้าปากเส้นสปาเกตตีเด้งหนุบหนับมาก ส่วนรสชาติก็ไม่ได้ถึงกับปลาร้ามากเกินไป ทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ รสสัมผัสกำลังงาม กินแกล้มขนมปังอบกรอบมันช่างเข้ากันจริงๆ แอบเห็นฝรั่งโต๊ะข้างๆ สั่งมากินได้ยิน กู๊ด กู๊ด หมุนเส้นเข้าปากเคี้ยวกันอร่อยเลย
ข้าวผัดนุ่มๆ ที่เสิร์ฟมาในสับปะรดลูกโต ได้รสเปรี้ยวอมหวานของสับปะรด ตักเข้าปากพร้อมกุ้งชิ้นโตสดเต็มคำ แกล้มด้วยมะม่วงหิมพานต์ที่โรยหน้ามาไม่อั้น กรุบกรอบหอมมัน ฟินอย่าบอกใคร
ปลาแซลมอนชิ้นโตที่ถูกนำมากริลจนหนังกรอบ แต่เนื้อด้านในกลับนุ่มสุดๆ แถมฉ่ำซอสพะแนงรสชาติเผ็ดกลมกล่อมกำลังดี กินแกล้มผักเคียง ให้เต็ม 10 สำหรับจานนี้
สุดยอดแห่งความลงตัวของอาหารฟิวชั่นจานนี้บอกเลยว่าไม่ธรรมดา น้ำแกงได้รสต้มข่าแบบไทยสไตล์มากๆ แถมปลาแซลมอนที่เสริฟมาก็เนื้อแน่น สด และใหญ่แบบจริงจังจนทำให้เราคิดว่า ราคา 290 บาท นี่ถูกลงไปเลย จานนี้ซดเกลี้ยงค่ะ
เมนูนี้นอกจากหน้าตาดีแล้วยังอร่อยด้วย กุ้งแกะเปลือกทอดเนื้อสดแน่น ขนาดใหญ่กำลังดี กัดทีเดียวได้ 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวาน กินคู่กับพริกแห้งคั่วอย่างนัวอ่ะขอบอก
รสร้อนแรงจัดจ้านต้องยกให้จานนี้! หอยแมงภู่ตัวอวบอัด ปลาหมึกสด และกุ้งเนื้อแน่น ที่ผัดมาในเครื่องเทศรสร้อนแรงอย่างพริกไทยอ่อน กระชาย พริก กระเทียม นี่มันอาหารรสชาติคนไทยชัดๆ ซัดกันปากพองเลยจ้าาา
เมนูนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง อร่อยจนอยากเดินเข้าครัวไปถามเชฟว่าคิดได้ไงแว๊ 555 เพราะรสชาติเลอค่ามาก มีความเผ็ดร้อนแบบน้ำพริก แต่มีความหวานเค็มแบบหลน แล้วยิ่งกินคู่กับข้าวไรซ์เบอรี่ และผักเคียงยิ่งทวีความอร่อยขึ้นไปอีก เมนูนี้บอกเลยต้องลอง!
ส่วนเครื่องดื่มก็มีหลากหลายทั้งน้ำอัดลม น้ำสมุนไพร น้ำผลไม้ จะคั้นสด หรือแบบปั่นมีหมด อย่างแก้วนี้ The spirit หวานหอม ชื่นใจสุดๆ
Honey Violet อัญชัน น้ำผึ้ง แอบเก๋ด้วยน้ำมะนาวที่อยู่ในแก้วช็อต เวลาจะเติมก็ดูดจากสลิงขึ้นมาเหมือนเข็มฉีดยา รสชาติไม่ต้องบรรยายเปรี้ยว หวาน หอม ชื่นจายยย
แตงโม, สับปะรด, ส้ม, มะนาว และอื่นๆ ชอบแบบไหนก็สั่งได้เลย ทั้งปั่น ทั้งคั้น จากผลไม้สดๆ ทุกลูกนะจะบอก
อิ่มแล้วก็มานั่งย่อยรับลม ถ่ายรูปเล่นกันไป ตรงห้องอาหารนี้ลมพัดเย็นสบายมาก เพราะมีร่มเงาของต้นมะขามคอยบดบังแสงแดดให้จนเหลือแค่แสงรำไรเล็ดลอดลงมาเท่านั้น และห้องอาหาร The Moment Gallery and Bar เปิดรับแขกจากภายนอกให้เข้ามารับประทานอาหารได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องมาพักที่ The spirit ก็สามารถเข้ามาลิ้มรสความอร่อย เคล้าวิวพระอาทิตย์ตกที่นี่ได้ บอกเลยว่าสวยมากมาย เดี๋ยวจะเอารูปมาอวดให้ดูค่ะ
บ่ายคล้อยหนังท้องตึง หนังตาหย่อน เราขอแยกกับเพื่อนๆ เดินกลับห้องไปนอนพักผ่อนตุนพลังไว้ปาร์ตี้ริมสระ โดดน้ำ ย่าง BBQ หน้าห้องพักคืนนี้ดีกว่า ส่วนใครไคร่เก็บภาพความสวยงามของรีสอร์ทก็ตามอัธยาศัยเลย
บิดขี้เกียจ 3 ที หลังจากพักเหยียดยาวนั่งเม้ามอยหอยสังข์ก็เดินกลับมาที่ห้องอาหาร The Moment Gallery and Bar อีกที เพราะเวลาดีช่วง 17.00 - 17.30 น. เขามี Welcome Cocktail เซอร์ไพรส์แขกที่มาพักด้วย แหล่มเลยใช่มั้ยล่ะ
อ่าฮาาา บาบีคิวปาร์ตี้ริมสระน้ำเริ่มขึ้นแล้ววว ณ เพลานี้จะมีอะไรสุขใจไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พีคในพีคจริงๆ เพราะนอกจากจะได้เล่นน้ำกันอย่างเมามันแล้วหิวๆ ก็ขึ้นมาปิ้งย่างบาบีคิวกินกันที่หน้าห้องพักของเราเอง Private Pool Villa นี่ดีงามพระรามสามจีจี
สด อร่อย กุ้ง หอย ปู ปลา ตัวใหญ่ เหมือนยกทะเลมาไว้ตรงหน้า พร้อมอุปกรณ์ และเครื่องปรุงรสครบเซ็ท เด็ดมากขอบอก และเพื่อความสดใหม่ หากใครที่ต้องการลิ้มลอง BBQ Set ต้องแจ้งทางรีสอร์ทล่วงหน้า 1 วันนะคะ
ขอส่งท้ายคืนนี้ด้วยแสงสียามค่ำคืน กับดวงดาวที่สว่างไสวท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา กับลมพัดมาเบาๆ บรรยากาศแบบนี้ใครไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกว่าการมาสัมผัสเอง มันดีงามกว่าการมานั่งฟังเราอธิบายมากมายนัก เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ตื่นเช้าไปดูแสงแรกของวันกันที่หาดทรายน้อย สำหรับคืนนี้ฝันดีนาจา
ถึงแล้วหาดทรายน้อย มาทะเลทั้งทีต้องได้เห็นทะเลสิ เพราะใกล้นิดเดียวแค่ขับรถจาก The Spirit Huahin มาไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงแล้ว เราออกจากที่พักตอน 6.15 น. มานั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นตอน 6.45 น. ถือว่าคุ้มค่ากับการมาถึง
พระอาทิตย์ขึ้นสวยจัดได้ใจจริงๆ นั่งอินกันที่ชายหาดสักพักก็อยู่ไม่ได้ละ เพราะแสงอาทิตย์เริ่มแยงเสียดแทงตาขึ้นเรื่อยๆ จนตาเริ่มหยี 555 เลยขอลากัน ณ จุดนี้ที่ 7.30 น. กลับที่พักไปกินอาหารเช้ากันดีกว่า
ตัดฉับกลับมาที่ห้องอาหาร The Moment Gallery and Bar เพื่อรับประทานอาหารเช้า ซึ่งอาหารเช้าที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย หากแขกที่มาพักมีจำนวนมากทางรีสอร์ทก็ตั้งเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ แต่หากว่าแขกเข้าพักน้อย (อย่างวันธรรมดาที่เรามากัน) ก็จะมีเป็นเซ็ทให้เลือกตามเมนูซึ่งนับว่าไม่น้อยเลย
ไม่ว่าจะเป็นไข่ม้วน, ไข่กวน, แฮม, ไส้กรอก, เบคอน, ซุปใส, ซุปข้น, ต้มจีด, ข้าวต้ม, ขนมจีบ, ซาลาเปา, เฟร้นโทส, ข้าวผัด, ผัดไทย,ไก่ย่าง, นมสด, กาแฟ, น้ำผลไม้ต่างๆ และอื่นๆ แบบเยอะอ่ะ
กินอาหารเสร็จนั่งพักผ่อนแป้บบบก็พยักหน้าใส่กัน ตัวเองๆ เล่นน้ำกันมั้ย สระใหญ่ยังไม่ได้โดดเลย จากุซซี่ก็ยังไม่ได้ไปโดน เห็นดีเห็นงามก็แบกหงส์ แบกห่านกันไปคนละตัว ลงสระใหญ่ให้หมดเแรงกันไปข้าง 555
ก่อนเช็คอินกลับไปด้วยความประทับใจ แล้วยังคิดว่าหากมีเวลาเราจะกลับมาอีกแน่นอน หน้าทะเล หลังภูเขา ลมพัดเบาๆ สวยงาม เงียบสงบ บริการยอดเยี่ยมแบบนี้ แล้วใครล่ะจะไม่กลับมา
The Spirit Hua Hin Resort
8/1837 (หัวหิน ซ. 134) ถ.เพชรเกษม ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โทร. 0 3290 0992
https://www.facebook.com/thespirithuahin/
http://www.spirit-resort.com/
ก่อนกลับบ้านมุ่งหน้าสู่เมืองกรุง ถ้าไม่แวะที่นี่คงรู้สึกมีอะไรขาดๆ ไป The Chocolate Factory Huahin สำหรับสาขานี้เปิดมาได้เพียงปีเศษเท่านั้น และยังได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเช่นเคย เพราะความที่อาหารดี เบเกอรีอร่อย แต่ที่ขึ้นชื่อจริงๆ ก็ต้องช็อคโกแลตสิจ๊ะ ผลิตเอง ทำเอง คิดค้นเอง หาวัตถุดิบเอง สมกับที่เป็นโรงงานช็อคโกแลตอย่างที่บอกนั่นเลย
บรรยากาศดีน่านั่งตั้งแต่ด้านนอก ไปจนถึงด้านใน แถมความสบายตาด้วยสวนสวยที่ตกแต่งสไตล์อังกฤษ
ภายในโล่งกว้าง สบายตาสบายใจ นั่งได้ไม่รู้สึกอึดอัดเพราะแบ่งสแปซได้อย่างพอเหมาะพอดี ทั้งยังสามารถมองออกไปเห็นวิวสวนด้านนอกได้ด้วย นั่งยาวเลยมั้ยล่ะ 555
มาต่อกันที่อาหาร ด้วยความที่มื้อเช้าเราจัดมาเป็นข้าวต้มเลยหิวก่อนใครเพื่อน ส่วนบางคนจัดมาหนัก เลยขอสั่งแบบตัวใครตัวมันแล้วกัน มันเลยจะหนมๆ หนักๆ เบาๆ สลับกันไปนิสนุง
รสชาติกลมกล่อมไม่ถึงกับจี๊ดจ๊าดมากนัก เผ็ดกำลังดี แต่ที่ชอบคือหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวใหญ่ และไซส์กุ้งที่เสิร์ฟมา แน่นใหญ่ สดคับถ้วยกันเลยทีเดียว
ฟินมากกับอกไก่เนื้อนุ่มฉ่ำซอสเลมอนครีม พร้อมมันฝรั่งบดเนื้อเนียน กินแกล้มกับมะเขือเทศอบออกรสเปรี้ยว เป็นรสชาติที่เข้ากั๊นเข้ากัน
เบเกอรีเนื้อนุ่มราดด้วยซอสสตรอวเบอร์รี กินคู่กับไอศกรีมเชอเบทรสเปรี้ยวอมหวาน อร่อยจนวางช้อนไม่ลง
อัดแน่นด้วยเนื้อมูสเนียนๆ กับซอฟต์เค้กช็อคโกแลตนุ่มๆ ตักกินฟินละลายในปากเลย
ช็อคโกแลตเข้มข้น ผสานความหวานมันของวิปครีม มีความเลอค่าถูกใจสายช็อคโกแลตแน่นอน
อิ่มหนำกันเป็นที่ร้อย ก็มาเดินย่อยซื้อของฝากกลับบ้านกัน แน่น๊อนนนนก็ต้องช็อคโกแลตสิจ๊ะ มาถึง The Chocolate Factory ทั้งที มั่นใจได้เลยว่าได้ของอร่อยคับคุณภาพ และได้ช็อคโกแลตแท้ๆ ไปนอนกินฟินเฟร่อแน่นอน นี่ไงมีทำโชว์ให้ดูในครัวเปิดด้วย เพลินดีเหมือนกันนะ
จบทริป 2 วัน 1 คืน กันที่ The Chocolate Factory ก่อนหอบของฝากแล้วขับรถเข้ากรุงไปใช้ชีวิตพนักงานออฟฟิศกันต่อไป หากใครมีเวลาน้อยสามารถตามรอยเราได้ เพราะทริปนี้ใช้เวลาไม่มาก เดินทางไม่ไกลแต่ประทับใจสุดๆ แถมได้ชาร์จแบตเติมพลังเพื่อกลับมาทำงานได้อย่างสดชื่นแบบไม่ต้องคิดเยอะอีกด้วย
The Chocolate Factory Huahin
ถ.หัวหิน 65 ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โทร. 06 1172 8887
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน 9.30 - 22.00 น.
https://www.facebook.com/pg/chocolatefactoryhuahin/about/?ref=page_internal