ทำไม “วีแกน” เทรนด์อาหารสุขภาพถึงนิยมทั่วโลก
หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า “วีแกน” (Vegan) กันมาบ้างแล้ว แม้จะไม่ใช่ผู้ที่ชื่นชอบอาหารแนวสุขภาพมากนัก แต่การันตีได้เลยว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักอาหารประเภทนี้
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะอาหารสุขภาพชนิดนี้ไม่ใช่แนวใหม่แต่อย่างใด เพราะหากจะกล่าวกันโดยง่ายวีแกนคือประเภทหนึ่งของอาหาร “มังสวิรัติ” นั่นเอง.อาหารเพื่อสุขภาพชนิดนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2478 โดยชาวอังกฤษผู้มีนามว่า โดนัลด์ วัตสัน (Donald Watson) ชายผู้มีปณิธานที่จะ ลด ละ เลิก เบียดเบียนสัตว์ เพราะเขารู้สึกสะเทือนใจทุกครั้งที่ต้องมีการฆ่าสัตว์ในฟาร์มของลุงเพื่อนำเนื้อมาเป็นอาหารและนำไปค้าขาย
จากเหตุการณ์นั้น โดนัลด์จึงตัดสินใจตั้งสมาคมวีแกนขึ้นมาแถมยังมีการจัดให้วันที่ 1 พฤศจิกายนของทุกปีให้เป็นวันของการเฉลิมฉลองสำหรับอาหารวีแกนอีกด้วย
โดยในปัจจุบันวีแกนสามารถแบ่งตามความเคร่งครัดในการปฏิบัติได้อย่างน้อย 3 ประเภท คือ
0 1 วีแกน (Vegan)
หรือผู้บริโภคที่ไม่บริโภคทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเนื้อสัตว์หรือชิ้นส่วนใด ๆ ที่ได้จากสัตว์อย่างเคร่งครัด กลุ่มนี้จะบริโภคเฉพาะอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากผัก ผลไม้ ธัญพืชแบบ 100%.
0 2 ผู้บริโภคที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ (Vegetarian)
ผู้บริโภคที่ไม่บริโภคทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเนื้อสัตว์แต่ยังสามารถบริโภคน้ำผึ้ง ไข่ นม และเนยได้.
0 3 ผู้บริโภคมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian)
เป็นกลุ่มที่มีความเคร่งครัดน้อยที่สุดเพราะสามารถทานเนื้อสัตว์ได้เป็นครั้งคราว ทั้งนี้ผู้ที่ทานวีแกนนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกทานแบบใด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับพลังงานของแต่ละคนที่มีความจำเป็นต้องนำไปใช้ในแต่ละวัน
จากคำถามที่ว่าเพราะเหตุใดวีแกนจึงกลายเป็นอาหารที่นิยมไปทั่วโลก
นั่นเป็นเพราะในเวลาที่ผ่านมามนุษย์เรานั้นได้ใส่ใจในเรื่องของความเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ย่อมมีชีวิตที่มีค่าด้วยกันทั้งสิ้น.รวมไปถึงการใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมและการรักษาสุขภาพ จึงทำให้อาหารวีแกนเป็นอาหารที่ตอบโจทย์วิถีชีวิต (Lifestyle) ของคนในปัจจุบันนั่นเอง
โดยมีผลวิจัยจากเว็บไซท์ SME One ระบุมาว่าแนวโน้มความนิยมการเป็นวีแกนจากทั่วโลกเพิ่มสูงมากถึง 987% จากปี 2560 โดยในปี 2561 ยอดขายของอาหารวีแกนเติบโตสูงถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยที่เดียว
นอกจากนี้บริษัทวิจัยตลาดได้คาดการณ์อีกว่า ตลาดวีแกนจะเติบโตขึ้นสูงถึง 200,000 ล้านบาทภายในปี 2566 อีกด้วย.โดยมีชาวยุโรป 350% และชาวเอเชียอีก 440% ที่ให้ความสนใจและรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพชนิดนี้ในปัจจุบัน
จากตัวเลขดังกล่าว ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนในปัจจุบันนั้นไม่เพียงแต่รู้จักอาหารวีแกน แต่ยังคงให้ความสำคัญของประโยชน์ของอาหารชนิดนี้ที่จะส่งผลถึงสัตว์และสิ่งแวดล้อมของโลกเราอีกด้วย
ไขข้อสงสัย “วีแกนมีแต่ผักแต่ทำไมนักกีฬานิยมกิน”
“นักกีฬา” อาชีพที่ต้องออกกำลังกายและต้องใช้พลังงานอย่างหนักในการฝึกซ้อม ซึ่งดูแล้วยังไงก็คงต้องการอาหารที่ให้โปรตีนต่อร่างกายอย่างมาก เพื่อสร้างพละกำลังให้ร่างกายนั่นแข็งแรงและสมบูรณ์
หากแต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่เราคิดไม่ได้เป็นเช่นดังที่เราคิดไปเสียหมด เพราะโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่เราคิดว่านักกีฬาต้องกินกลับกลายเป็นโปรตีนทดแทนจากผักของอาหารวีแกนแทน
นำมาสู่ข้อสงสัยอีกต่อหนึ่งว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นพืชมีโปรตีนซ่อมแซมกล้ามเนื้อหรือไม่ และการไม่ทานเนื้อสัตว์จะทำให้เกิดศักยภาพในการออกกำลังกายบางรูปแบบหรือเปล่า
คำตอบคือ โปรตีนทดแทนจากผักและธัญพืชสามารถซ่อมแซมกล้ามเนื้อได้
โดยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Journal of the International Society of Sports Nutrition บ่งชี้ถึงการค้นพบสำคัญอย่างหนึ่ง นั่นคือ การทานอาหารแบบวีแกนนั้นไม่ส่งผลเสียใดๆ ต่อประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย
นักวิจัยเยอรมันได้ติดต่อนักวิ่งที่วิ่งเป็นงานอดิเรกทั้งหญิงและชาย 76 คนให้มาเป็นกลุ่มตัวอย่างในงานวิจัย แล้วให้แต่ละคนระบุว่าตนเองนั้นเป็นผู้ที่ทาน
1.ทั้งพืชผักและเนื้อสัตว์
2.มังสวิรัตินมและไข่ (ทานพืชผักรวมทั้งไข่และผลิตภัณฑ์จากนม แต่ไม่ทานเนื้อสัตว์และเนื้อปลา)
3.วีแกน (ไม่ทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์)
หลังจากนั้นกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวต้องทำการทดสอบโดยการปั่นจักรยานที่มีแรงต้านทานเท่ากันที่ 50 วัตน์โดยจะเพิ่ม 16.7 วัตน์ต่อนาทีโดยให้ปั่นไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดแรง
ผลจากการทดสอบนั้นผู้เข้าทดลองทุกคนต่างถึงจุดหมดแรงหลังผ่านไปประมาณ 20 นาที โดยนักวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างใดๆ ในด้านพละกำลังที่ใช้สูงสุดระหว่างกลุ่มคนที่ทานทั้งพืชผักและเนื้อสัตว์ มังสวิรัตินมและไข่ และวีแกน
กล่าวโดยง่ายคือไม่ว่ากลุ่มตัวอย่างจะทานอะไรก็แล้วแต่ แทบจะไม่ส่งผลต่อการสร้างกำลังในการทำกิจกรรมต่างๆเลย แม้ว่าผู้ที่ทานแต่เพียงโปรตีนทดแทนจากวีแกน ก็มีการออกกำลังได้อย่างปกติ
เราจึงพอที่จะอนุมานได้ว่า ไม่สำคัญว่านักกีฬาหรือนักออกกำลังกายวีแกนจะทานอะไร ก็ต้องบริโภคแคลอรี่คุณภาพในปริมาณรวมที่เท่าๆ กันและเหมาะสมจึงจะมีพลังงานที่เพียงพอ
ทั้งนี้การที่นักออกกำลังหลายๆคน ได้ลดการกินเนื้อสัตว์ลงและหันมาทานวีแกนมากขึ้นนั่นเพราะพวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงไขมันที่ไม่พึงประสงค์และการมีสุขภาพและควบคุมน้ำหนักให้ได้ตามต้องการนั่นเอง
รู้หรือไม่! วีแกน,เจ,มังสวิรัติ ต่างกันอย่างไร
0 1 วีแกน
วีแกน คืออะไร
วีแกน (Vegan) ก็เปรียบเหมือนการกินเจที่เรารู้จักกันนี่แหละ ไม่บริโภคอาหารที่ทำมาจากสัตว์ นม เนย และไข่ ซึ่งสิ่งที่วีแกนทำนั้นนอกจากเรื่องการกินแล้ว ยังรวมไปถึงการงดใช้สินค้าที่ทำมาจากสัตว์อย่างกระเป๋าและรองเท้าหนังด้วย.
วิถีวีแกน
- ไม่รับประทานเนื้อสัตว์
- ไม่รับประทานผลผลิตจากสัตว์ เช่นนม ไข่ ชีส
- ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากหนังหรือขนสัตว์
0 2 เจ
เจ คืออะไร
"การกินเจ" ไม่ใช่แค่ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่นเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่กินของที่ทำให้เสียสุขภาพ ดำรงตนให้สะอาดบริสุทธิ์รวมไปถึงการถือศีลทั้งกาย วาจา และใจ ควบคู่กัน จึงจะเรียกได้ว่าเป็นการกินเจที่แท้จริง .
วิถีเจ
-ไม่รับประทานเนื้อสัตว์
- ไม่รับประทานผลผลิตจากสัตว์ เช่นนม ไข่ ชีส
- เว้นผักฉุน 5 ประเภท คือ กระเทียม
- หัวหอม, หลักเกียว, กุยช่าย และใบยาสูบ เพราะถือว่าเป็นของคาว
0 3 มังสวิรัติ
มังสวิรัติ คืออะไร
คนทั่วไปอาจจะเข้าใจว่ามังสวิรัติ คือ การไม่กินเนื้อสัตว์และมุ่งกินผักเพียงอย่างเดียว แต่จริง ๆ ประเภทของมังสวิรัติยังแบ่งออกมาได้อีก 4 ประเภทหลักๆ ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีข้อที่เหมือนและแตกต่างกันออกไป
วิถีมังสวิรัติ จะแบ่งออกเป็น 4 แบบ ดังนี้
- มังสวิรัติเคร่งครัด คือ ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ใด ๆ เลย แม้แต่นมกับไข่ก็ไม่กิน
- มังสวิรัติไข่ คือ ไม่กินเนื้อสัตว์แต่กินไข่ อาจเพราะเงื่อนไขบางอย่างในการดำเนินชีวิต เช่น การมีเด็กเล็กในครอบครัว จึง ต้องการโปรตีนช่วยในการเจริญเติบโต
- มังสวิรัตินม คือ ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ยังคงกินนมและผลิตภัณฑ์จากนม เพราะเหตุผลด้านคุณประโยชน์นมช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
- มังสวิรัติปลา หรือ มังสวิรัติครึ่งใบ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์สีแดง (red meat) เพราะ ไม่ต้องการเบียดเบียนสัตว์ใหญ่ หรือกลัวอันตรายจากเนื้อแดงหากยังคงกินปลาและอาหารทะเลอื่นๆ
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าเราจะกิน มังสวิรัติ วีแกน หรือ เจ สิ่งที่ควรให้ความสำคัญนอกเหนือจากการไม่บริโภคเนื้อสัตว์และปฏิบัติตามวิถีต่างๆ ก็คือการรู้จักเลือกทานสิ่งที่ช่วยเพิ่มคุณค่าและประโยชน์ให้กับเมนูสุขภาพนั่นเอง
ประโยชน์ 6 ข้อของวีแกนที่ไม่ได้มีแค่การลดน้ำหนัก
โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะคิดกันว่า อาหารคลีนหรืออาหารจำพวกผักและธัญพืชนั้นก็คงช่วยแค่ในเรื่องของการลดน้ำหนักเท่านั้น
แต่แท้จริงแล้วการทานอาหารวีแกนหรือมังสวิรัติอื่นๆให้ประโยชน์ที่มากกว่านั้น โดยสามารถแบ่งได้เป็น6 ข้อ ดังนี้
0 1 สุขภาพหัวใจดีขึ้น
อาหารแบบวีแกนช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นได้หลายวิธี จากการศึกษาขนาดใหญ่ของ เวิลด์ แคนเซอร์ รีเสิร์ช ฟันด์ (World Cancer Research Fund) ในปีค.ศ. 2019 พบว่า จากการที่ชาววีแกนลดอาหารจำพวก เนื้อสัตว์ ชีสและเนย ที่ถือว่าเป็นแหล่งของไขมันอิ่มตัวและเพิ่มคอเลสเตอรอลซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด แล้วหันมารับประทานอาหารจากพืชที่มีไฟเบอร์สูงนั้น จึงช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นนั่นเอง
0 2 มีประโยชน์ต่อระดับน้ำตาลในเลือด
การรับประทานอาหารแบบวีแกน ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เพิ่มความไวของอินซูลินและช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ลงถึง 78% เนื่องจากการรับประทานผักและธัญพืชนั้นจะได้รับไฟเบอร์มากขึ้นซึ่งอาจทำให้การตอบสนองของน้ำตาลในเลือดลดลง ดังนั้นการรับประทานอาหารแบบวีแกนจึงช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 ได้อีกด้วย
0 3 มื้ออาหารแบบวีแกนมีเส้นใยอาหารที่มากกว่า
จากผลการศึกษาวิจัยล่าสุดในวารสารวิชาการ American Journal of Clinical Nutrition ระบุไว้ว่า มื้ออาหารแบบวีแกนนั้นมีเส้นใยอาหารที่มากกว่าอาหารทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น แมกนีเซียม กรดโฟลิก วิตามินซีและอี ธาตุเหล็ก และสารพฤกษเคมี ที่คนรับประทานวีแกนจะได้รับมากกว่าคนที่รับประทานอาหารจากทั้งพืชและสัตว์
0 4 ได้รับประโยชน์จากผักผลไม้และถั่วในปริมาณที่มากกว่า
เมื่อเทียบกับคนที่รับประทานอาหารทั้งพืชและสัตว์ ชาววีแกนจะรับประทานผักผลไม้และถั่วในปริมาณที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากในอาหารวีแกนมีธัญพืชหลายชนิดนั่นเอง เช่น
-อัลมอนด์ ช่วยลดระดับไขมันในเลือด เมล็ดทานตะวัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
-ถั่วแดง ช่วยขจัดการสะสมของสารพิษในลำไส้
-ถั่วเหลือง ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง
-ลูกเดือย ช่วยยับยั้งการเกิดเนื้องอก
-ถั่วทอง มีกากใยสูง และน้ำตาลต่ำ
-ถั่วเขียว ช่วยลดความดันโลหิต
-ถั่วดำ ช่วยปรับสมดุลทางเดินอาหาร
เป็นต้น
0 5 ระดับคอเลสเตอรอลรวม หรือระดับ LDL ที่ต่ำกว่า
เมื่อเทียบกับคนรับประทานมังสวิรัติ ชาววีแกนจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า มีระดับคอเลสเตอรอลรวม หรือระดับ LDLที่ต่ำกว่า รวมถึงความดันโลหิตอยู่ในระดับต่ำและเหมาะสมกว่าด้วย
0 6 แม้ทานแต่ผัก แต่ยังคงได้รับโปรตีนที่ครบถ้วน
ชาววีแกนยังได้บริโภคเต้าหู้และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับปริมาณโปรตีนที่ครบถ้วนสมบูรณ์นั่นเอง นับว่าเป็นโปรตีนทดแทนที่มีประโยชน์และยังให้พลังงานที่ดีแก่ร่างกาย
อาหารแบบวีแกน เป็นรูปแบบที่ได้รับนิยมมากขึ้น เพราะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายรวมถึงสุขภาพของหัวใจที่ดีขึ้นอีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดน้ำหนักและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนโภชนาการของผู้รับประทานประกอบไปด้วย