ร้านอาหารไทย Steve Cafe and Cuisine in Town
หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารไทยแท้ๆ คัดสรรแต่วัตถุดิบคุณภาพ และรสชาติเหมือนรสมือแม่ ซึ่งในปัจจุบันแต่ละเมนูหาทานยากเหลือเกินและที่สำคัญไม่ต้องไปไกลอยู่ใจกลางเมืองเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า ร้านที่ตอบโจทย์ข้างต้นเป็นอย่างดีต้องร้านนี้เลย Steve Cafe and Cuisine in Town หลายคนคงรู้จักกับร้านบรรยากาศดีริมแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากที่ร้าน Steve Cafe and Cuisine ย่านเทเวศน์เปิดให้บริการมา1 ปีกว่าๆ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีแต่ทำเลอาจจะไกลจากในเมืองและใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะเดินทางไปถึง คุณสตีฟ เจ้าของร้านจึงเกิดไอเดียในการเปิดร้านอีกสาขาภายใต้โจทย์ร้านใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ใช้เวลาหลายเดือนจนเจอทำเลที่ถูกใจในซอยราชครู และร้าน Steve Cafe and Cuisine in Town จึงเกิดขึ้นมา
Steve Cafe and Cuisine in Town ร้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งทานข้าวอยู่ที่บ้านกับเพื่อนสนิท ครอบครัว แล้วยกอาหารจากในครัวมาเสิร์ฟแบบร้อนๆ ที่นี่ไม่ใช่เป็นแค่ร้านอาหารแต่เป็นสถานที่แฮงเอ้าต์ที่ลงตัวกับการตกแต่งสไตล์ Wood loft เรียบง่าย โปร่งสบาย เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ที่จัดวางได้อย่างมีสไตล์ หากมองดูภายในร้านอาจมองเห็นบางอย่างที่ดูไม่น่าเข้ากันได้แต่กลับนำมาจัดวางแล้วทำให้รู้สึกลงตัวอย่างโดดเด่น เช่น วอลเปเปอร์ลายไทยวิจิตรอ่อนช้อยกับผนังอิฐสไตล์ loft
ทางร้านได้แบ่งโซนไว้อย่างชัดเจนทั้งหมด 3 โซน เริ่มตั้งแต่โซนแรกอยู่บริเวณริมถนน ร่มรื่นเย็นสบายสดชื่นกับต้นไม้ใหญ่และดอกไม้สีสันสวยงาม จุได้ประมาณ 20 คน เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกในการเดินขึ้นลงบันไดเป็นอย่างยิ่งเรียกได้ว่าจอดรถปุ๊บ เดินตรงไปยังมุมนี้ได้เลย หรือหากใครอยากจะปิดโซนนี้เพื่อจัดเลี้ยงสังสรรค์เป็นอีกมุมที่คิดว่าเป็นส่วนตัวมากเลยทีเดียว ไปต่อกันกับโซนที่ 2 โซนนี้ต้องเดินขึ้นบันไดนิดหน่อยให้ความรู้สึกกำลังก้าวเข้าสู่ตัวบ้านหลังไม่ใหญ่มากแต่ดูอบอุ่น โซนนี้จะแบ่งเป็น Indoor กับOutdoor ใครชอบแบบไหนเลือกนั่งได้ตามใจชอบ
ในโซนระเบียงมุมนี้มีต้นก้ามปูต้นใหญ่อายุมากกว่า 60 ปี แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาเสริมให้ร้านดูร่มรื่นขึ้นเป็นกอง ให้ความรู้สึกนั่งทานข้าวอยู่กลางเมืองแต่มีต้นไม้รายล้อมไปรอบตัว สีเขียว สดชื่น สบายตา เรียกว่าหากใครได้มาต้องชอบ ถัดมาคือโซน 3 อยู่ในส่วนของชั้นลอย รองรับได้ประมาณ 25 คน เป็นมุมที่เหมาะสำหรับวัยรุ่นมีโต๊ะพูลโดดเด่นอยู่ตรงกลาง และเก้าอี้นั่งสบายที่ดูชิคและเข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์ หากอยากจัดปาร์ตี้ส่วนตัวโซนนี้เวิร์คเลย
แต่ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์คือภาพที่ปรากฎบนฝาหนังหากใครเคยไปร้านที่ริมน้ำเทเวศน์ก็จะเห็นภาพลักษณ์นี้เช่นกัน ซึ่งสาขานี้จะเป็นภาพเพ้นต์สีดำตัดกับพื้นสีขาวและโดดเด่นมากขึ้นด้วยผนังอิฐ ภาพทั้ง 2 ภาพ เป็นภาพพระที่นั่งอนันตสมาคมและภาพโลหะปราสาทที่วัดราชนัดดาราม
เมื่อสำรวจร้านทุกมุมแล้วได้เวลาสั่งอาหารจานอร่อย ขอแนะนำเมนูแรก ใบเหลียงต้มกะทิกุ้งสด เชื่อว่าหลายคนจะคุ้นหูกับใบเหลียงผัดไข่แต่ใครจะรู้ว่าใบเหลียงสามารถนำมาประกอบอาหารอื่นๆได้อีกหลายอย่างเช่นเมนูนี้ที่ขอบอกเลยว่าอร่อยเด็ดกับใบเหลียงสดๆ ที่ทางร้านสั่งมาจากจังหวัดชุมพรต้นกำเนิดใบเหลียงที่อร่อยที่สุดในประเทศไทย นำมาต้มกะทิใส่กะปิเล็กน้อย หวานกลมกล่อมด้วยน้ำตาลปี๊บ ส่วนกุ้งเลือกใช้กุ้งตัวโตเนื้อแน่น ที่สำคัญสดใหม่ทุกวัน เมื่อกุ้งสดมารวมกับใบเหลียงและน้ำกะทิเข้ากันดีจนต้องรีบชิม ใครที่ทานเผ็ดไม่ได้ไม่กลัวเพราะรสชาติจะไม่จัดจ้านเท่าทางภาคใต้ทางร้านได้ปรับให้ทานง่ายขึ้นขอบอกเลยว่าข้าวสวยร้อนๆ จานเดียวไม่พอแน่นอน
เมนูต่อมา น้ำพริกลงเรือ ไม่ใช่สวยงามแค่การจัดวางแต่รสชาติต้องยกนิ้วให้อีกเมนู ทีเด็ดอยู่ที่ผักสดหรือผักต้มและปลาสลิดทอดกรอบที่ทานคู่กันแล้วเด็ดสุดๆ
ปลากะพงสองน้ำ เป็นอีกเมนูที่อยากให้ลองชิม ทางร้านเลือกขนาดปลากะพงที่ได้มาตรฐานคือไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไปขนาดกำลังดี เมนูนี้เหมาะสำหรับคนที่เลือกไม่ถูกว่าจะทานแบบทอดหรือแบบพล่าทานร้านเลยจัดมาให้ทั้ง 2 แบบ จานคนทานเผ็ดจะชอบมากส่วนคนทานไม่เผ็ดบอกว่าเด็ดไปเลย
ยำตะไคร้ เป็นอีกเมนูที่ทางร้านคัดสรรวัตถุดิบเพื่อลูกค้าโดยเลือกตะไคร้ที่ไม่แก่จนเกินไปมาปอกเปลือกจนเหลือแค่แกนในนำมาหั่นซอย ทำให้เกิดความหอมยั่วน้ำลาย คลุกเคล้ากับเครื่องเคียงสีสันสวยงามน่าทานสุดๆ
ทานของคาวกินอิ่มแล้วแนะนำให้ต่อด้วยไอศกรีมโฮมเมดสัญชาติอิตาเลียนสักลูกซึ่งที่ร้านมีให้เลือกหลายรสชาติอย่างถ้วยนี้ โยเกิร์ตบลูเบอร์รี โยเกิร์ตแท้ๆ เข้มข้นไม่หวานมากใครควบคุมน้ำหนักอยู่ยังต้องยอมให้ถ้วยนี้ เพราะว่าละมุนลิ้นทานกันเพลินเผลอแป๊บเดียวหมดถ้วยเลย
ครบเครื่องเรื่องคาวหวานใครอยากจะนั่งชิลล์ฟังเพลงและเม้าต์ต่อกับกลุ่มเพื่อนจะสั่งเบียร์ ไวน์ หรือค็อกเทลมานั่งจิบเบาๆ ก็ได้เลยเพราะที่นี่เรียกได้ว่ามีค็อกเทลให้เลือกสั่งกันได้หลายเมนู เช่น 3 แก้วนี้ Steve Colorful 3 สี 3 รส มีส่วนผสมของ Bacardi และ Vodka เป็นส่วนผสม แก้วสีเขียวคือ Martini สีฟ้าคือ Blue Curacao
เต็มอิ่มกันแบบพุงกางเลยต้องรีบมาบอกต่อใครอยากไปตามรอยก็เชิญได้เลย สำหรับการเดินทางสะดวกสบายหากใช้บริการรถไฟฟ้าลงสถานีอารีย์ แล้วเข้าซอยพหลโยธิน 5 ตรงไปจนเจอสามแยกให้เลี้ยวซ้าย ร้านจะอยู่ขวามือ เรียกได้ว่า เป็นร้านอาหารไทยที่ครบเครื่องทั้งเรื่องคุณภาพ บรรยากาศ และราคาที่มากกว่าคำว่าคุ้ม
ร้าน Steve Cafe and Cuisine เปิดบริการ จันทร์ - ศุกร์ 11.30 -14.30 น. และ 16.30 -23.00 น. ส่วน เสาร์-อาทิตย์ 11.30 -23.00 น. ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://eat.edtguide.com/414316_steve-cafe-cuisine-in-town
