เ ข า ช้ า ง เ ผื อ ก (Khao Chang Phuak Mountain

เดินป่าต่อกันยาวๆๆ ทริปที่ 4 ของเดือนนี้ 17-18 /12/2016 ทริปนี้มันเร่งด่วนมากกประกาศหาเพื่อนๆ ใน facebook แล้วก็ไม่ต้องคุยอะไรมาก ได้คน ตั้งกลุ่มไลน์ คุยกันนิดหน่อยแล้วออกลุยกันเลย

Khao Chang Phuak Mountain is located within the Thong Pha Phum National Park ranges above sea level at 1,249 meters. Pha Phum’s highest peak of Chang Phuak is visible from here.

เขาช้างเผือก สุดยอดทางเลือกของนักผจญภัย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี มีความสูงประมาณ 1249 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง.

ระยะทางจากจุดเดินไปจุดกางเต็นท์ 8 กม. จากจุดกางเต็นท์ไปเขาช้างเผือก 1 กม.

หมู่บ้านอีต่อง มาจากคำว่า “หมู่บ้านณัตเอ็งต่อง” ซึ่ง “ณัต” แปลว่า เทพเจ้า หรือเทวดา “เอ็ง” แปลว่า บ้าน “ต่อง” แปลว่าภูเขา รวมกันแล้วจึงแปลได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่บนเขาเทวดา

ต่อมาได้เรียกเพี้ยนเสียงกลายเป็น “หมู่บ้านอีต่อง” มาจนถึงทุกวันนี้

---------------------------------------------------------------------------

ขุนเขายิ่งใหญ่ ก็ยังจะพอจะแก้ไข

สายน้ำกว้างไกล ก็ยังจะพอจะผ่อนคลาย

แต่นิสัยภายในนั้นยากจะหยั่งถึง จึงยากที่จะเปลี่ยนแปลง ฉันขอรักเพียงความรู้สึก

ลึกๆ อยู่ในใจก็พอ

ไม่ต้องเสียใคร ไม่ต้องได้อะไร

ไม่ต้องรักใคร ก็ไม่ต้องร้องไห้

ไม่ต้องมีใคร ก็ไม่ต้องช้ำใจ

Boy Imagine

ช่างภาพ

ภาพที่ 1 จากบน natthanan wonganan พู่กัน

ภาพที่ 2-4 pakon homchoti น้าโจ

ภาพที่ 6 chirapan sophaphon ฝ้าย

ปล.ภาพอาจไม่สวยมากเพาะไม่มีเวลาแต่ง เดินไปถ่ายภาพไป แต่หวังว่าข้อมูลที่เขียนคงเป็นประโยชน์แก่คนที่เข้ามาอ่าน

เขาช้างเผือก เป็นที่เที่ยวสำหรับคนที่ชอบการเดินป่า ชอบผจญภัย พิชิตยอดเขาสูง ยอดเขาช้างเผือกสูงตระหง่าน รอให้มาพิสูจน์ความกล้ากัน โดยเฉพาะจุดของสันเขาที่หวาดเสียวที่สุดที่เรียกว่า "สันคมมีด" เขาช้างเผือก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจบุรี บนยอดเขามีลักษณะเป็นภูเขาหญ้า มีหินบ้างตามสันเขา

1. ยอดเขาช้างเผือก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 1,249 เมตร

2. เขาช้างเผือกจะเปิดให้เที่ยวประมาณช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ หากแต่ก็มีบางปีที่ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไป เนื่องจากสภาพอากาศ

3. อุทยานจำกัดนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปเที่ยวเขาช้างเผือก เพียงวันละไม่เกิน 60 คนเท่านั้น

4. การเดินทางขึ้นเขาช้างเผือก นักท่องเที่ยวจะต้องเดินขึ้นจากบ้านอีต่อง (ไม่ใช่ในที่ทำการอุทยาน) เริ่มจากการเดินเรียบ ๆ แล้วหลังจากนั้นก็ขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ ไปตามสันเขา ลงบ้าง ขึ้นบ้าง ระหว่างทางไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ เพราะจะต้องเดินอยู่บนสันเขานั่นเอง

5. มีบริการลูกหาบ

6. เส้นทางการเดินป่านั้นระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ3-5 ชั่วโมง โดยต้องพักค้างแรม กางเต็นท์บนยอดเขาหนึ่งคืน

7. ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกบนยอดเขา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีร้านค้า ระหว่างเดินขึ้นนักท่องเที่ยวควรพกน้ำไว้กับตัวด้วยสัก 2-3 ลิตร ไว้สำหรับดื่ม หรือเอาไว้ใช้ปรุงอาหารตามจุดแวะพักต่าง ๆ

8. มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ AIS อินเตอร์เน็นสามารถใช้ได้

9. มีห้องน้ำแบบส้วมหลุม

10. เตรียมอุปกรณ์จำเป็นส่วนตัว เช่น ทิชชูเปียก ไฟฉาย เสื้อกันฝน ยารักษาโรค อุปกรณ์การตั้งแคมป์ต่าง ๆ

11. อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีบริการให้เช่าเต็นท์และอุปกรณ์นอน

12. พื้นที่ด้านบนกางเต็นท์ได้อย่างเดียว บนยอดเขามีพื้นที่จำกัด และไม่มีน้ำใช้

13. เสื้อผ้าที่เหมาะสำหรับใส่เดินขึ้นเขาช้างเผือกควรเป็นเสื้อแขนยาว ระบายความร้อนได้ดี รองเท้าผ้าใบ เพราะเนื่องจากต้องเดินฝ่าคมหญ้า ซึ่งอาจบาดเนื้อตัวได้

14. ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเดินขึ้นเขาช้างเผือกไม่เกิน 08.00 น. จะดีที่สุด (อย่าลืมพกหมวกไปด้วย) เนื่องจากระหว่างทางเดินขึ้นค่อนข้างร้อน เพราะแทบไม่มีต้นไม้บังแดดเขาช้างเผือก

15. ไฮไลท์วัดใจของเขาช้างเผือก คือ "สันคมมีด" หรือ "สันวัดใจ" มีลักษณะเป็นสันเขาบาง ๆ แคบ ๆ นักท่องเที่ยวจะต้องเดินแถวเรียงหนึ่งขึ้นไป ถึงจะไม่สูงมากแต่ก็เล่นเอาหลายคนใจสั่น เพราะเมื่อมองออกไปทั้งสองข้างจะเห็นเขาลาดลึกลงเป็นเหว งานนี้อาจมีคนใจสั่นก้าวขาไม่ออกก็มี

16. ถ่ายรูปกับป้ายผู้พิชิตยอดเขา หลังจากที่เดินผ่านช่วงไฮไลท์สันคมมีดมาแล้ว จะเป็นเนินเขาให้เดินต่อไปจนถึงจุดสูงสุด ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเห็นวิวได้โดยรอบ ไม่มีอะไรมาบดบัง ใครมาถึงจุดนี้แล้ว ต้องมายืนถ่ายรูปคู่กับป้าย เพื่อเป็นสักขีพยานการเดินทางพิชิตสันคมมีดได้สำเร็จ

17. ฟิตร่างกายมาให้พร้อม การเดินป่าขึ้นเขาข้างเผือกควรเตรียมตัวฟิตร่างกายมาให้แข็งแรง และออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องสักหนึ่งเดือนก่อนออกเดินทาง

18. ช่วงที่สวยงามที่สุดของเขาช้างเผือกคือปลายฝนต้นหนาว เพราะเป็นช่วงที่บนเขาช้างเผือกสวยมาก ๆ มองไปทางไหนจะเห็นแต่สีเขียวสด กลางคืนอากาศหนาว ๆ มีหมอกให้เห็น ทำเอานักท่องเที่ยวอย่างเราประทับใจสุด ๆ

19. ปฏิบัติและเชื่อฟังคำสั่งเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่เดินออกนอกเส้นทางหรือเดินทางตามลำพัง

7.00 น. 17/12/2016 พวกเราตื่นกันเจ็ดโมง ขับรถไปยัง อช. เพื่อลงทะเบียนสำหรับคนที่ขึ้นเขาช้างเผือกต้องเสียค่าเข้าอุทยาน 40 บาทเสียค่ากางเต๊นท์ 30 บาท

ข้อกำหนดในการจองขึ้นเขาช้างเผือก
1. จองวันที่จะขึ้นได้ล่วงหน้าไม่เกิน 7 วัน

2. สามารถโทรจองได้ ที่เบอร์ 0 3451 0979 และ 09 8252 0359 ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น.

3. สามารถจองได้ไม่เกิน 10 คน ต่อ เจ้าหน้าที่ 1 คน

4. ต้องแจ้งชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชนของทุกคนทันที แล้วจัดส่งเอกสาร(สำเนาบัตรประชาชน) ของทุกคนทาง E-mail : [email protected] ภายใน 1 วัน

5. ลงทะเบียนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เวลา 07.00-08.00 น.

6.เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย 1 คน ต่อนักท่องเที่ยว 10 คน 1,800 บาทลูกหาบ 1 คนจะแบกสัมภาระไม่เกิน 30 กิโลกรัม 1,300 บาท

7. สำหรับอาหาร ควรเป็นอาหารที่ประกอบง่าย แนะนำเป็นแก๊สสนามในการใช้ประกอบอาหาร

นอกเรื่องนิดหนึ่งพอไปถึงเราจะเจอพนักงานต้อนรับสองตัว ตัวแรกไม่รู้จักชื่อ ส่วนนกเงือกตัวที่ 2 ชื่อมอมแมม เมื่อก่อนมีอีกตัวชื่อแจ๋วแหววแต่ตายไปแล้ว ใครที่มาเที่ยวที่นี่คงจำแจ๋วแหววได้

ลงทะเบียน กรอกเอกสาร จ่ายเงิน 1,800 บาท ที่อช.มีของที่ระลึกขายด้วย ช่วยกันชื้อเพื่ออุดหนุนอุทยานได้คะ

หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยก็เดินทางไปยังหมู่บ้านอีต่อง อากาศเย็นสบาย แต่จะบอกว่าสวยมาก มากี่ครั้งก็ชอบ โรแมนติกมาก

หมู่บ้านอีต่อง หมู่บ้านเล็กๆ ในดินแดนแห่งหุบเขาแห่งปิล๊อก ตำบลหนึ่งในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมืองแห่งเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต

หมู่บ้านอีต่อง เป็นทางผ่านและเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวมีจุดมุ่งหมายพิชิตยอดช้างเผือก ซึ่งจุดเริ่มเดินเท้าอยู่ภายในหมู่บ้านอีต่อง นอกจากนี้ยังเป็นจุดแวะสำหรับการท่องเที่ยวไปยังเส้นทางต่างๆในตำบลปิล๊อก เช่น เนินช้างศึก น้ำตกจ๊อกกระดิ่น และอุทยานทองผาภูมิ ฤดูท่องเที่ยวที่คึกคักของหมู่บ้านก็คงไม่พ้นช่วงเดือน ต.ค. ที่เป็นช่วงที่เปิดให้พิชิตเขาช้างเผือกไปจนถึงฤดูหนาวที่อากาศแสนเย็นสบาย

กลุ่มเรารวมตัวกันที่ร้านพี่หน่อย เพราะมีอาหารให้ทาน มีห้องน้ำให้เราอาบน้ำ

ปล. การเดินทางมายังหมู่บ้านอีต่อง

รถยนต์
จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตที่เป็นถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอำเภอไทรโยค - ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ตรงเข้าอำเภอทองผาภูมิ (เส้นทางจะต่อกับเส้น 3272 เลย) วิ่งผ่านตัวอำเภอ (ตัวอำเภออยู่ทางขวา) เลียบอ่างเก็บน้ำในเขื่อนไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร จะถึงสามแยกบ้านไร่-ปิล๊อก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางปิล๊อก จากจุดนี้จะเป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ประมาณ 24 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิอยู่ทางขวามือ

รถประจำทาง
ขึ่นรถทัวร์ บขส.999 ที่ขนส่งหมอชิต (ชั้น 1 ช่องที่ 21) กรุงเทพฯ - ด่านเจดีย์สามองค์ รอบ 5.00 น. (ต้องขึ้นเที่ยวนี้เท่านั้น เพื่อให้ทันรถสองแถวเที่ยวสุดท้ายไปอุทยานฯ) ราคาประมาณ 227 บาท ลงรถทัวร์ที่อำเภอทองผาภูมิ แล้วไปต่อรถสองแถวสีเหลือง ที่ตลาดทองผาภูมิ ไปบ้านอีต่อง (รถออกประมาณ 10.30 น.) ค่ารถสองแถวราคาประมาณ 70 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ขากลับมีรถสองแถววิ่งมาจากหมู่บ้านอีต่องไปยังอำเภอทองผาภูมิในช่วงเช้า (ประมาณ 8.00 น.) ควรสอบถามเวลาที่แน่นอนจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ อีกครั้ง

ทานข้าว และเตรียมอาหารกลางวัน

เอาของกองกลางให้ลูกหาบ แล้วเตรียมออกเดิน

พร้อมกันรึยัง ออกเดินทางกันเถอะ เด้วเที่ยงมาต่อนะทำงานแพรบ

ระยะทางจากจุดเดินไปจุดกางเต็นท์ 8 กม. จากจุดกางเต็นท์ไปเขาช้างเผือก 1 กม. เจ้าหน้าที่จะพาเดินขึ้นเขาช้างเผือกตอน 16.00น.เริ่มเดินกันประมาณ 10.00 น. เดินไม่ต้องรีบ เพราะเจ้าหน้าที่จะพาขึ้นตอนเย็นไปถึงเร็วก็ร้อนเปล่าๆ ที่กางเต๊นท์มีเพียงพอ

ทางเดินช่วงแรกไม่ชันมาก

แดดเปรี้ยง ฟ้าเปิด ............เมื่อวานตอนเดินทางมีฝนตกปรอยๆและฟ้าปิด พวกเราทำใจกันแล้วว่าคงเจอฝนแน่ๆ แต่พอเช้ามาฟ้าสว้างสดใส เป็นใจให้พวกเรามากๆ

เดินจากหมู่บ้านอีต่องไปประมาณ 1 กม. จะถึงจุดที่ต้องเช็ครายชื่อ และที่ขาดไม่ได้คือต้องไปถ่ายรูปสิงป้าย

จัดการเรื่องรายชื่อ ถ่ายภาพกับป้ายเสร็จ ก็ออกเดิน ซึ่งระหว่างที่เดิน จะเดินสวนกันกับทีมที่ลงมาด้วย

ทางราบสลับทางชัน

วิวสวยมากตลอดการเดินทาง แดดก็แรงมากเช่นกัน

สวยเนอะ นี่ใช้กล้องกันน้ำถ่ายรูปมานะ

ดูวิวสองข้างทางดิ

จุดพักที่ 1

แอบถ่ายพี่ จนท.

จะเดินถึงมั้ยวันนี้ มัวแต่ถ่ายภาพ สวยทุกจุดพูดเลย

มันส์ดีต่อใจ

คุณอาจหลับตา เพื่อให้มองไม่เห็น สิ่งที่ไม่อยากเห็นได้

แต่คุณไม่อาจ ปิดหัวใจไม่ให้รู้สึกในสิ่งที่ไม่อยากรู้สึก .... ได้

ไม่รู้จะอธิบายยังงัย กับความสวย

ภาพบนเจอกลุ่มเดินป่าเขาเรียกใช่เชมั้ย ป๋มก็ตอบไปว่าใช่แย้ววว เลยแอบถ่ายภาพมา ขอบคุณที่ทักทายนะ จุ๊บๆ

อะเฮื้อ เขาช้างเผือก แค่ทางเดินก็ดาเมจแรงส์

โอ้ยย ทุ่งลาเวนเดอร์มากกๆๆๆ เพลงลอยมาในหัว

ฉันยิ้มให้กับความรัก ฉันยิ้มให้ความเสียใจ
ฉันยิ้มให้คนรักที่เขาเดิน จากไป โดยในใจยังคงมีกันเหมือนเคย
ยินดีที่ยังมีรัก ยินดีที่ยังเสียใจ
เป็นเหตุผลที่ยืนยันว่าความรักยังไม่หายไป ยังอยู่ในใจคนในใจเรา ในใจ ขอให้ความรักอยู่กับคุณ

จุดพักที่สอง ได้ถ่ายรูปกับเซเลปด้วย ชื่อไมโล

เดินมาได้สักพักเจอเจอเนินลูกย่อมๆ ชื่อว่าหุบกะเหรี่ยง สำหรับวอร์มขา
และตรงนี้เองที่เป็นจุดเกิดเหตุ ภาพบนพี่โจกำลังยืนถ่ายภาพ ส่วนพวกเชกำลังเดินตามขึ้นไป เจ้านนท์เห็นอะไรกลิ้งหลุนๆตกลงมา จากยอดเนินข้างบน
เป้น้าโจกลิ้งตกลงมาจ้า ตกลงไปในหุบลึกทีเดียว

มีใบไม้เปลี่ยนสี พบได้ทั่วทั้งลูกเขา
มาต่อเรื่องเป้น้าโจ น้าโจ้ลองลงไปเก็บก็ไม่เป็นผล จึงวานลูกหาบไปช่วยเก็บ

น้าโจให้เงิน เป็นสินน้ำใจกับน้องลูกหาบ 300 บาท (ในภาพบน พวกเราห่วงน้าโจมากๆ เลยคะ)

เขียว แดง ส้ม เหลือง เห็นได้ทั่วไป

จบเรื่องเป็ ก็ออกเดินทางต่อ แต่ละทริปต้องมีเรื่องราวตลอด ทริปนี้น้าโจ เจ้าของ story เป้ตกเหว

เที่ยงกว่าๆ ก็พักทานข้าว พร้อมเสพวิวหลักล้าน ฟินไปอีกกกกกกกก

นั่งพักนิดหน่อยแล้วออกเดินทางต่อ การเดินทางเหมือเดิมคือไม่มีร่มไม้เลย

แต่วิว สวยลืมร้อนเลย

จุดพักที่ 3 เขาชะมด ความสูง 1,038 เมตร

หลังจากเดินผ่านทุ่งหญ้าแล้ว เราก็จะเดินผ่านช่วงที่เรียกว่าดงไผ่

แล้วก็ดงหญ้า ดงไผ่

ฟ้าาาาไปหมด

เนินลูกที่เห็นสูงๆ เมื่อสักครู่นี้เรียกเขาช้างน้อย

เข้าสู่ทุ่งหญ้าระบำ เวลาลมพัดสวยมากๆ นั่งดูอยู่นานเลย

เดินไปเรี่อยๆ ตามสันเขา เริ่มเห็นบริเวณที่กางเต็นท์ละ

แอบส่องและซูม ดูซิว่าข้างล่างเขาทำอะไรกัน มีคนเดินมาถึงแค้มป์เยอะพอสมควร
ก่อนถึงแค้มป์ เราต้องเดินผ่านเขาลูกหนึ่งซึ่งชันพอสมควรเดินหอบกันยาวๆ แต่พอถึงบนยอดเขาเห็นวิวแล้วหายเหนื่อยเล้ยยยย
ยืนชมวิว ราว 15 นาที แล้วเดินลงไปยังที่ตั้งแค้มป์

ทางลงไปยังจุดกางเต็นท์ชันมาก โปรดระมัดระวัง

ลงจากเนินสิ่งที่เจอเป็นสิ่งแรกก็คือ!!!!!!!

ส้วมหลุม I have a ส้วมหลุม เฮื้อ!!ไม่ต้องราดน้ำ ใช้ผ้าเปียกหรือทิชชู่

ขาช้างเผือก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยมีความสูงถึง 1,249 จากระดับน้ำทะเล การเดินทางขึ้นสู่ยอด เขาช้างเผือก นั้น ใช้การเดินเท้าในระยะทางประมาณ 8-9 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางนั้นจะเป็นเส้นทางที่ลัดเลาะยอดเขาต่าง ๆ ต้องข้ามยอดเขากว่า 3-4 ยอดเขาจึงจะถึงจุดตั้งเต๊นท์ที่เรียกว่า "กิ่วลม"

------------------------------------------------------------------------------------

ไปถึงก็เจอคนที่ไปก่อนนอนเป็นปลาแห้ง ที่ผ่านแดดเผามาสักสามสี่แดด เราบอกเลยว่าไม่ต้องรีบขึ้นไปก็ได้ ที่กางเต็นท์มีเพียงพอสำหรับคน 60 คน ไม่จำเป็นต้องรีบไปเพื่อจองที่ และที่สำคัญ จนท. จะพาขึ้นไปต่อยังเขาช้างเผือกเวลาเดียวกัน คือ 16.00 น.

หลักจากสร้างแลนด์มากแล้ว ก็รอเวลาที่เจ้าหน้าที่จะพาเดินไปยังเขาช้างเผือก บางคนทำใจ มือสั่น ขาสั่น กันเลย บางคนก็นอนอัฟเฟสบุ๊คกันเพลินๆ
พอ 16.00 น. จนท.จะเรียกรวมตัวแล้วพาเดิน มีหลายคนมากที่ไม่ได้ไปต่อ ก็นอนรอทำอาหารที่แค้มป์

ก่อนจะถึงสันคมมีดจุดวัดใจต้องขามเนินโตๆ ก่อนคะ

ขั้นจังหวะหน่อย เอาภาพทุ่งหญ้าระบำมาฝากคะ ตลอดทางที่มาก่อนถึงจุดกางเต็นท์ มันสวยมากกก

รอเข้าคิวที่จะข้ามสันคมมีด ช้าหน่อยเพราะต้องใช้ความระมัดระวัง แถมลมก็แรงส์
จุดที่ถือเป็นไฮไลท์ของเขาช้างเผือก คือช่วงที่เรียกว่า “สันคมมีด”

วิวด้านซ้าย และขวาคะ เราไม่กลัวความสูงเลยเฉยๆ ส่วนคนที่กลัวบางคก็ทำใจนานหน่อย

ช่วงสันคมมีดเป็นทางเดินแคบๆ หลายๆคนเห็นคลานกันแทนการเดินผู้ชายอกสามศอกก็ไม่เว้น

ผ่านช่วงสันคมมีดมาแล้ว เย้!!!!! อย่าพึงดีใจ คิดว่าจะถึงเขาช้างเผือกนะ ขาไปให้มองด้านซ้ายมือจะเห็นน้ำตกปิเต็ง อยู่ในหุบด้านซ้ายมือ

ยังมีทางให้เดินต่ออีกจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ภาพในวงกลมือน้ำตกปิเต็ง

อะเฮื้อ!!!! นี่มันเนินเทเลทับบี้ชัดๆ

ข้ามเนินมาได้ก็ถึงแล้ว
ท้ายที่สุดความเหนื่อยทั้งหมดก็หายไป ด้วยทิวทัศน์แบบ 360 องศาบนยอดเขาช้างเผือก วิวตรงหน้าสามารถมองเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ความงดงามของธรรมชาติแท้ๆ ที่เราเห็นผ่านทางดวงตาทั้งสองข้าง ใบหญ้าที่พริ้วไหว รวมทั้งกลิ่นจางๆ ของใบหญ้าที่ลอยมาเตะจมูกและลมเย็นฉ่ำที่พัดผ่านตัวเราไปนั้น นั่นเรียกว่า “ความสุข”

วิวมุมกว้าง

ต่อด้วยวิวรัวๆ

เย็นแล้ว จนท. เรียกให้เดินทางกลับ ถ้ามืดค่ำจะอันตราย

เดินทางมาถึงจุดกางเต็นท์ ก็ช่วยกันทำอาหาร หลังจากนั้นก็ล้อมวงทานข้าว (คืนที่เราไปถึงจะเป็นคืนสว่างแต่ดาวก็เต็มท้องฟ้า สวยงามมากๆ) นั่งคุย แล้วแยกย้ายไปนอน อากาศหนาวมาก ควรเตรียมถุงนอน เสื้อกันหนาว ลองจอน มาให้พร้อม (ที่สำคัญลมแรงมาก)

ตัดมาที่ภาพในตอนเช้า

หลังจากทานอาหารเช้า กาแฟ โอวัลตินแล้วก็เดินทางกับคะขากลับลงไปอย่าลืมแวะรับไปประกาศที่อุทยาน ตรงจุดที่ลงทะเบียนนะคะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางทุกท่าน เราเชื่อว่าการที่เราคนเรามาพบกัน ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

ขอบคุณที่ช่วยทำให้การเดินทางมันมีเรื่องราว

ขอบคุณทุกคนที่แชร์และเข้ามาอ่านรีวิวด้วยนะคะ หากมีข้อมูลใดๆ ผิดพลาดไป ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก I’m Che - ชีวิตอิสระ