ถ้าจะบอกว่าทริปนี้ คือ ทริปเร่งด่วนของพวกเราก็คงไม่แปลก ที่ว่าด่วนก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ จะสิ้นปีแล้วแต่พักร้อนเหลือเพียบ มองหน้ากันแล้วบอกตัวเองว่า ถ้าไม่ใช้ตอนนี้แล้วจะไปใช้ตอนไหน เกริ่นมาขนาดนี้ก็น่าจะพอเดาออกว่า พวกเราคือคนที่งานยุ่งพอสมควร แล้วการทำงานลากยาวแบบนี้ สมองมันก็จะเบลอๆ นิดนึง มันเลยทำให้พวกเรา หาวันว่างเป็นการด่วน เพราะเป็นทางเดียวที่จะได้ไปชาร์จแบตและพักสมองไปพร้อมๆ กัน
จะขึ้นเหนือเวลาก็มีน้อย เขาใหญ่ก็ไปบ่อยแล้ว ระหว่างที่นั่งหาข้อมูลกันก็ไปสะดุดกับรูปๆ นึงใน Facebook ถ้าเดาไม่ผิด ภาพนั้นน่าจะเป็นฉากในละครหรือหนังอะไรสักอย่าง รีบหาข้อมูลกันยกใหญ่ว่าที่นั่น คือที่ไหน อ๋ออออ มันคือ วังน้ำเขียว นั่นเอง แกรรร ไปๆๆๆ เราไปกัน
เราสองคนคือเพื่อนร่วมสายงาน ที่เป็นคู่ซี้ต่างวัย ทำงานด้วยกันบ่อย เหนื่อยมาด้วยกันก็เยอะ ที่จริงเราชอบเที่ยวคนละสไตล์ แต่รอบนี้น้องเค้าตามใจพี่ ที่อยากเที่ยวใกล้ๆ เที่ยวธรรมชาติ ทุ่งดอกไม้ และได้สูดโอโซนด้วย พอใกล้วันเดินทางก็มีพระเอกขี่ม้าขาว เป็นรุ่นน้องอีกคน อาสาไปช่วยขับรถให้ ก็เลยไปเที่ยวกันสามคน เที่ยววันธรรมดา (พุธ พฤหัส ศุกร์)
จุดหมายหลักของทริปนี้ก็คือ การเที่ยวทุ่งดอกไม้ และพักที่ Coolliving Farmhouse Eco & Organic Living ที่เที่ยวใหม่สไตล์ Eco ที่เพิ่งเปิดได้แค่ปีเดียว
ทุ่งดอกไม้ นอกจากจะมีฟลอร่าพาร์คแล้ว ยังมีโซนใหม่อย่าง Rose Park คนรักดอกไม้อย่างเราจะพลาดได้ไง
สวนผึ้งมี โคโรฟิลด์ วังน้ำเขียวก็มี รักจัง เมล่อนฟาร์ม เราก็ไม่พลาดที่จะแวะไป วิวแบบนี้หลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็น ที่นี่คือ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว มีเสน่ห์เพราะอยู่ริมน้ำ
เราจะค่อยๆ เล่าความประทับใจของแต่ละสถานที่ให้ฟังละกันนะ ทริปนี้พวกเราใช้รถเช่า Avis เพราะสามารถรับรถใกล้บ้าน นั่นก็คือ สนามบินดอนเมือง นัดกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า พอรับรถปุ๊บก็ตรงดิ่งสู่ถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งหน้าวังน้ำเขียวทันที เราไม่ค่อยได้ใช้บริการรถเช่าบ่อยนัก แต่ครั้งนี้รู้สึกประทับใจในการบริการที่รวดเร็ว ตอนที่โทร.จอง พนักงานก็แนะนำเป็นอย่างดี ขั้นตอนการรับรถก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที คือดีอ่ะ รถก็ใหม่ น่านั่ง ป่ะ! พวกเราพร้อมแล้ว เริ่มออกเดินทางกันเถอะ ช่วงเวลา 3 วันหลังจากนี้ เราจะจดจ่ออยู่กับการท่องเที่ยว พักเรื่องงาน พักจากเรื่องปวดหัว ขอพักจริงๆ จังๆ กับเค้าบ้าง พวกเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ Rose Park วังน้ำเขียวRose Park แห่งนี้ สาวๆ น่าจะชอบเพราะเป็นสวนกุหลาบที่รวบรวมกุหลาบกว่า 5 หมื่นต้น มากกว่า 400 สายพันธุ์มาไว้ในที่เดียวกัน แค่ลงจากรถ ก็ได้กลิ่นหอมๆ ของดอกกุหลาบ (รู้สึกดีจัง)เราชอบดอกกุหลาบเป็นพิเศษ ก็เลยถือกล้องเดินโฟกัสดอกสวยๆ โอ๊ย...มีความสุขจัง ><Rose Park ไม่ได้มีแค่สวนกุหลาบ แต่มีโซนคาเฟ่ มีบ้านพัก มีลานกางเต็นท์ มีโซนแค้มป์ไฟ และยังมีบ้านพักหลังเล็กๆ ที่กำลังสร้าง พร้อมแพ็คเกจเที่ยว Flora Park, ฟ้าประทานฟาร์ม รวมอยู่ในแพ็คเดียวกัน เรียกได้ว่า อยู่ได้ทั้งวันเลยทีเดียว
หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปสวนกุหลาบก็มานั่งที่โซนคาเฟ่ สั่งอิตาเลียนโซดากลิ่นกุหลาบสีสวยฟรุ้งฟริ้ง หวานๆ เย็นๆ หอมๆ ส่วนกาแฟ หอมกรุ่นแก้วนี้ ปลูกเองจากไร่ที่ใหญ่ที่สุดของวังน้ำเขียว ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของฟ้าประทานฟาร์ม
ถ้าหิว ที่นี่ก็มีเมนูง่ายๆ ให้สั่ง ทั้งหมี่กรอบราดหน้าหมูหมัก, เห็ดชุบแป้งทอด, ยำเห็ด และสลัดผัก จากนั้นก็ได้เวลาไปเที่ยวฟ้าประทานฟาร์ม เรานั่งรถบริการคันใหญ่ใหม่เอี่ยมคันนี้ ไปที่สวนพุทรานมสด เรารีเควสที่นี่เพราะชอบกินพุทรานมสดมากกกก ใครๆ ก็รู้ว่า พุทรานมสดคือ พืชเศรษฐกิจชื่อดังของวังน้ำเขียว มาถึงสวนทั้งทีก็เลยขอบุกกันถึงต้น ดูกันเอาเองเถอะค่ะ ท่านผู้ชม พุทรานมสดของที่นี่ลูกใหญ่ขนาดไหน นี่ถ้าไม่บอกหลายคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นแอปเปิ้ลเขียวแน่ๆ นอกจากที่นี่จะมีพุทรานมสดก็ยังมีมะละกอฮอลแลนด์ และลำไย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ดกทุกต้นเลยจริงๆ ยิ่งพอได้ชิมพุทราสดจากต้น โหววว หวานมากกกก เพิ่งรู้เหมือนกันว่าลูกเล็กจะหวานกว่าลูกใหญ่ คุณลุงคนดูแลสวนเล่าให้ฟังว่า กว่าจะปลูก กว่าจะดูแลได้ทีละลูก แมลงก็กวน ไหนจะสภาพอากาศที่แปรปรวนอยู่ตลอด ลุงเล่าไปแกก็ดูภูมิใจที่วันนึงผลผลิตจากสวนเก็บขายได้วันละหลายร้อยกิโล เที่ยวสวนพุทรานมสด ก็ต่อด้วย ฟาร์มไก่ไข่ที่เปิดธรรมะให้ไก่ฟังด้วย ธรรมดาซะที่ไหน สลัดผักที่เรากินกันเมื่อกี้ ก็เป็นไข่ จากไก่ไข่อารมณ์ดี จากฟาร์มแห่งนี้นั่นเอง ระหว่างการนั่งรถชมจุดต่างๆ ภายในฟาร์มก็มองเห็นแปลงผักสลัดที่นอกจากจะขายในฟาร์มแล้วยังส่งไปขายในซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังในกรุงเทพฯด้วย
ตบท้าย Flora Park สวนดอกไม้กลางแจ้งที่จัดมาแล้ว 8 ปี แต่เปลี่ยนสไตล์ทุกปีบนพื้นที่กว่าพันไร่ จะว่าไปแล้ว เที่ยว 3 ที่ก็หมดวันเลยจริงๆ แต่ก็เป็นความสนุกแบบครบรส เหมือนได้แปลงร่างเป็นสาวชาวสวนมาเที่ยวฟาร์ม ณ จุดนี้ สามารถซื้อผลผลิตจากสวนติดมือกลับไปเป็นของฝากได้ด้วย ราคาตั๋วเข้าชมรวมกันราคา 250 บาท เที่ยวได้ทุกจุด
ก่อนกลับมีโอกาสได้เดินดูห้องพักของที่นี่ด้วย ราคาที่พัก : บริเวณลานกางเต็นท์ ราคา 500 บาท/เต็นท์ ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1,500 บาท, บ้านพัก 1 ห้องนอน 4,000 บาท, บ้านพัก 2 ห้องนอน 6,000 บาท
ออกจาก Rose Park ก็ได้เวลาเดินทางเข้าพัก Coolliving Farmhouse Eco & Organic Living ตอนโทร.มาจอง รีสอร์ทก็ไลน์มาบอกว่า ให้เข้าทางถนนใหญ่ ไม่งั้น Google Map จะพาไปในทางที่ขรุขระ คุยกันไปคุยกันมา นั่นไง เราพลาดจนได้ 555 มัวแต่เม้าท์ก็งี้
เก็บของเข้าที่พักแล้วก็ออกไปกินข้าวเย็นใกล้ๆ ขับรถไม่ถึง 10 นาที ก็เจอร้านครัวบ้านวังตาล ร้านดังแห่งย่านนี้ ไม่น่าเชื่อว่าวันธรรมดาแบบนี้ ลูกค้าจะเต็มร้าน รออาหารเกือบชั่วโมง บอกเลย หิวมากจริงๆ
เมื่อคืนเราก็นั่งเล่นนั่งคุยกันจนดึก อากาศก็เย็นกำลังดี แอบคิดเหมือนกันนะว่า ถ้ามากันครบแก๊งคงฮากว่านี้ ระหว่างที่เดินสำรวจห้องพัก เราก็ไปสะดุดกับข้อความที่บ่งบอกถึงความใส่ใจของเจ้าของรีสอร์ท เค้าบอกว่า ที่นี่
- ไม่มีเสาโรมัน สวนอังกฤษอย่างเป็นระเบียบให้คุณชม
- ไม่มีที่นอนสังเคราะห์หรูหราให้คุณสัมผัส
- ไม่ใส่สารสังเคราะห์ให้คุณกิน
- ไม่ใส่น้ำหอมเคมีให้คุณดม
- ไม่ใส่ยาฆ่าแมลงให้คุณสะสม
- แต่ให้คุณกลมกลืนไปกับธรรมชาติ บนทางสายกลาง ทุกอย่างภายในห้องพักปลอดสารเคมี ปลอดแร่ใยหิน VOCs เครื่องนอนออร์แกนิคจากธรรมชาติในระดับฟรีฟอร์มัลดีไฮด์ ที่ไม่มีโรงแรมใดทำมาก่อน สบู่ แชมพูหรือน้ำยาทำความสะอาดมีส่วนผสมของมะกรูดเป็นหลัก ปลอดภัยจากเคมี ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ โหววว คืนนี้เรานอนหลับสบายแน่ (คลีนกว่านี้มีอีกไหม!) เรื่องไรฝุ่นนี่หมดกังวลไปได้เลย อีกอย่างที่รู้สึกได้ว่าไม่เหมือนที่อื่นก็ตรงที่ เค้าใช้หมอนที่ทำมาจากเปลือกข้าวโซบะ เหมือนที่คนญี่ปุ่นเค้าใช้กัน มันหนักมาก อันนี้แปลกใหม่มากสำหรับเรา จะยกหมอนขึ้นมากอด ต้องลุกขึ้นมาแล้วยกเต็มแรง อันนี้ตลกดีเหมือนกัน ห้องน้ำก็ Open Air วาบหวิวมากตอนอาบน้ำ 555
เรามีนัดกับทางรีสอร์ทตอน 07.30 น. เพื่อตื่นมาตัดผักไปปรุงอาหาร ที่นี่เราจะได้ลงมือทำอาหารเอง ขึ้นอยู่กับว่าอยากทำสลัดโรลหรือจะทำสลัดผัก เสน่ห์ของการตื่นแต่เช้า มันก็จะสดชื่นๆ หน่อย อากาศเย็นสบาย สูดโอโซนได้อย่างเต็มปอดจริงๆ เลือกรองเท้าบู๊ทคู่ใจ แล้วไปลุยแปลงผักกัน! ผักสลัดของที่นี่ จะบอกว่ามีทุกชนิดก็น่าจะใช่ แถมยังมีกระหล่ำปลีด้วย (ไม่ต้องไปภูทับเบิกแล้วล่ะ) ผักทุกแปลงได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ปลอดสารพิษ 100% ส่วนใหญ่จะนำมาปรุงอาหารให้ลูกค้าที่มาพัก และมีคนมารับไปขาย อีกส่วนหนึ่งก็วางขายที่ด้านหน้ารีสอร์ท หลังจากได้ลงมือตัดผักมาแล้ว ก็ได้เวลาทำสลัดง่ายๆ แค่นำผักมาล้างให้สะอาด นำไปใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วเลือกน้ำสลัดที่ชอบ คลุกเคล้าให้เข้ากัน แค่นี้ก็ฟินเบาๆ กับมื้อเช้าแบบคลีนๆ แต่ถ้าคนไหนไม่ชอบกินผักก็ไม่ต้องกังวล เมนูอาหารเช้าของที่นี่ มีให้เลือกสั่งอีกหลายอย่าง ทั้งไข่ม้วน, ไข่กวน, ข้าวตุ๋น-ไข่ออนเซ็น เมนูพร้อม! คนก็พร้อม! สาบานว่ามากันสามคน (จริงๆ นะ) น้องๆ ลองสั่งโน่นสั่งนี่ ไปๆ มาๆ ก็เยอะอย่างที่เห็น แต่จะบอกว่า กินหมดด้วยน๊า พวกเรานี่สามารถมากจริงๆ แม้จะอิ่มแล้วแต่ก็อยากลองชิม แยมกระเจี๊ยบ และแยมเสาวรสที่ทำเองแบบโฮมเมด (อร่อยเข้มข้นจริงๆ) ปกติน้องเราจะไม่ค่อยชอบกินผัก แต่รอบนี้พวกเค้าบอกว่า ผักสดแบบนี้กินได้สบาย โอเค พี่สบายใจละ >> สำหรับใครที่มาพักวังน้ำเขียวแล้วอยากแวะมาทานอาหารเช้าแบบนี้ ที่นี่รับลูกค้านอกด้วยนะคะ ราคา 350 บาท แต่ต้องโทร.จองล่วงหน้า เปิดให้บริการ ตั้งแต่ 07.30-10.30 น. อิ่มท้องกับอาหารมื้อเช้า ก็ไปขี่จักรยานเล่นรอบๆ รีสอร์ท ที่นี่มีแปลงผัก ไร่เสาวรส ไร่ข้าวโพด เล้าไก่ และกองฟางก็เลยกลายเป็นพร็อพถ่ายรูปของพวกเราไปโดยปริยาย ส่วนหนุ่มประจำทริป รีเควสมุมเท่ๆ มุมนี้ แถมยังดูภูมิใจที่ได้โพสต์ท่าคู่กับรถไถนา 555
ห้องพักของที่นี่จะแบ่งเป็น 2 แบบ ห้องฟาร์มเฮ้าส์ มี 5 ห้อง วันจันทร์-พฤหัส ราคา 2,200 บาท, ศุกร์-อาทิตย์ ราคา 2,900 บาท, บ้านพอนด์วิลลา จำนวน 6 หลัง วันจันทร์-พฤหัส ราคา 3,900 บาท, ศุกร์-อาทิตย์ ราคา 4,900 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของรีสอร์ทได้ที่ Coolliving Farmhouse Eco & Organic Living
รักจังเมล่อนฟาร์ม คือฟาร์มเมล่อนที่ได้ใจเราไปเต็มๆ ที่นี่เปิดให้เข้าไปเดินเล่น ถ่ายรูปในฟาร์มได้ตามสบาย แค่อย่าทำให้เมล่อนของเค้าเสียหายก็พอ
ผลเมล่อนสด ปกติ จะตัดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ โชคดีที่วันนี้มีออร์เดอร์จากลูกค้า เราเลยได้เห็นผลเมล่อนสด
ลูกใหญ่ๆ แบบนี้ ราคาเมล่อนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราอึ้งมากๆ ปกติ เมล่อนญี่ปุ่นที่ขายทั่วไป ลูกนี้ราคาเกือบ 300 บาท แต่ที่นี่ ร้อยกว่าบาทก็ซื้อได้แล้ว ถูกอ่ะ
ด้านนอก เป็นโซนจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเมล่อน ทั้งผลเมล่อนสด, ไอศกรีมเมล่อน, เค้กเมล่อน, สมูทตี้เมล่อน, น้ำสลัดเมล่อน, เมล่อนอัดเม็ด, ไวน์ รวมถึงของฝากอีกหลายอย่าง ที่นี่เค้าจะเป็นสื่อกลางในการรับผลผลิตจากชาวบ้านมาวางขาย และเพิ่งขยายอาคารให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะมาเลือกซื้อของฝากกันอย่างจุใจ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว เป็นอีกสถานที่ที่คนมาวังน้ำเขียวต้องแวะ ที่นี่มีทั้งการแปรรูป เพาะกล้า โรงบ่ม โรงคั่ว และเปิดเป็นตลาดชุมชน ในวันเสาร์-อาทิตย์ แถมยังมีสะพานไม้ไผ่ยื่นลงไปในน้ำ ให้เราได้เดินลงไปนั่งรับลมและถ่ายรูปสวยๆ ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ปางอุ๋งเลยอ่ะ ถ้าอยากได้ภาพตอนไม่มีคนก็ต้องแวะมาตั้งแต่เช้า นี่เราแวะมาสองรอบเลยนะจะบอกให้ เมื่อวานมาตอนบ่าย วันนี้มาตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด 555 ก็ไม่ได้อะไรนะ แค่ติดใจในบรรยากาศ แค่นั้นเอ๊ง! มื้อเย็นวันที่ 2 ฝากท้องที่ร้าน ครัวบ้านเลขที่ 5 รสชาติอาหารจัดจ้านใช้ได้เลย คนกินเผ็ดไม่เก่งอย่างเรานี่ก็นั่งซี๊ดซ๊าดกันไปเมนูแนะนำ ก็คือ ส้มตำโคราช, น้ำพริกปลาป่น, ลาบเห็ด, แกงป่าไก่บ้าน, ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม อร่อยๆ ทั้งนั้น
วันที่สาม ตื่นกันตั้งแต่เช้าออกไปเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผาเก็บตะวัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะมีการยิงหนังสติ๊กลูกไม้เพื่อปลูกป่า แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีแล้ว เหลือแต่หนังสติ๊กให้เราโพสต์ท่าถ่ายรูปเล่น
บรรยากาศตอนเช้า ของร้าน ครัวบ้านเลขที่ 5 จะมีแปลงผักพร้อมขายอยู่หน้าร้าน และเป็นโซนคาเฟ่ ขายเครื่องดื่มร้อน-เย็น ผ่านมาก็เลยแวะเก็บภาพซะเลย เมื่อคืนเราพักกันที่บ้านริมธาร แต่ด้วยความที่กลับเข้ามาตอนมืด ก็เลยเก็บภาพบรรยากาศกันตอนเช้า ตอนสายๆ ทานข้าวต้มฝีมือป้าเพลิน แล้วก็ออกไปเที่ยวต่อแบบไม่รีรอขากลับ เราขับรถมุ่งหน้าไปทางเขาแผงม้า เพื่อไปลิ้มลองความอร่อยของร้านอาหารครัวมิ่งไม้ ที่หลายคนว่าดีเมนูเด่นที่ลองแล้วชอบมาก ก็คือ เห็ดอบซีอิ๊ว ทำมาจากเห็ดหอมบ้านของวังน้ำเขียว อร่อยและแตกต่างจากที่เคยกิน, กุ้งมิ่งไม้ เป็นการนำกุ้งก้ามกราม ไซส์กลางนำไปกริลล์ จากนั้นราดด้วยซอสสูตรพิเศษ และยังมี ปีกไก่ทอดน้ำปลา น้ำพริกลงเรือ รสชาติไม่เผ็ดมาก เสิร์ฟพร้อมผักสดจากวังน้ำเขียว อร่อยเข้มข้น, ซี่โครงหมูตุ๋นพริกไทยดำ ตุ๋นนานกว่า 6 ชั่วโมง วางใจได้เรื่องความนุ่ม ทานคู่กับต้มยำปลา ที่มีทั้ง ปลาคัง ปลาเก๋า และปลากะพง รสชาติจี๊ดจ๊าดจัดจ้านหลังจากโพสต์เฟสว่ามาวังน้ำเขียวก็มีเพื่อนฝากซื้อพุทรานมสด ก็เลยต้องแวะซื้อที่ Flora Park ตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับให้ถึงกรุงเทพฯ ไวหน่อยเพราะดูท่าทางว่ารถจะติด ไหนๆ ก็ผ่านอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงแล้วก็ขอแวะเดินเล่น ขับรถเล่นที่สันเขื่อนแป๊บนึง
จบทริป 3 วัน 2 คืน ของเรา ซึ่งสมบูรณ์แบบตามที่เราตั้งใจ ได้เที่ยวทุ่งดอกไม้ เที่ยวสวน เที่ยวฟาร์ม กินผักสดๆ กันตลอดทริป ฟินจังเลยค่ะ อยากให้เพื่อนๆ หาโอกาสแวะมาสูดโอโซนแบบเราบ้างจัง ที่เที่ยวใหม่ๆ แปลงผักสวยๆ รอคุณอยู่นะคะ หนาวนี้ถ้ายังไม่มีแพลนไปเที่ยวกันที่ไหน วังน้ำเขียวเป็นอีกสถานที่ที่เราอยากแนะนำ อากาศดีๆ ปลายปีแบบนี้ มาพักสมอง สูดโอโซนกันให้เต็มที่ แล้วจะรู้สึกดีเหมือนพวกเรา อย่าลืมตามมาเที่ยวกันเยอะๆ นะคะ
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปและเพื่อนร่วมทางอย่างรถเช่า Avis ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.avisthailand.com/EN/

ทุ่งดอกไม้ ไร่ สวนผัก...เหตุผลที่หลงรัก วังน้ำเขียว
ทุ่งดอกไม้ ไร่ สวนผัก...เหตุผลที่หลงรัก วังน้ำเขียว
Information
OPEN
- ไม่พบข้อมูล
TEL
- ไม่พบข้อมูล
PRICE
- ไม่พบข้อมูล
ADDRESS
- ไม่พบข้อมูล
FACILITIES
- ไม่พบข้อมูล
CONTACT
- ไม่พบข้อมูล
SHARE

#hashtag
RELATED