Banner Placeholder
Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4

ล่องใต้สุดฟิน กินเที่ยวให้สะเด็ด! หรอยแรงแกงเผ็ด อร่อยเด็ดเมนูเส้น!

ล่องใต้สุดฟิน กินเที่ยวให้สะเด็ด! หรอยแรงแกงเผ็ด อร่อยเด็ดเมนูเส้น!


เมืองปักษ์ใต้ในความจริงนี่ช่างห่างไกลความคิดเรามากๆ เพราะปกติจะเที่ยวท่องล่องอยู่แถวๆ ภาคตะวันตก ภาคเหนือ และภาคกลาง ด้วยเวลาเที่ยวไม่ได้มีมากมายเหมือนชาวบ้านเค้าพอมาตอนนี้เวลาก็เหมือนเดิมไม่ได้มีเพิ่มแต่อย่างใด ฮาาาาา แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้มันอยากลงใต้ ไปสถานที่ใหม่ๆ เที่ยวที่ที่ไม่เคยไป กินอะไรที่ไม่เคยกิน ไปลองนอนแบบแปลกที่ ไปใช้วิถีสโลว์ไลฟ์... งั้นไปเที่ยวใต้บ้างก็ได้ ป่ะ! เที่ยวกัน 2 คืน 3 วัน ล่องใต้เที่ยวเล่น กินเมนูเส้นแบบหรอยจังฮู้กันเลยยย 
ว่าแล้วการวางแผนเที่ยวแบบละมุนละไมก็เกิดขึ้นโดยละม่อม จะไปเที่ยวใต้ทั้งทีต้องจังหวัดไหนดี บ้านไกลเวลาน้อยขนาดเน้ขอตักตวงซัก 2 จังหวัด หวยจึงมาลงที่ จ.สุราษฎร์ธานี - นครศรีธรรมราช แผนคือนั่งเครื่องไปลงไฟลท์เช้าสุดที่ จ.สุราษฎร์ธานี - ต่อด้วยรถเช่า Avis - ขับล่องเที่ยวไปเรื่อยๆ - แล้วไปคืนรถเช่า Avis ที่สนามบิน จ.นครศรีธรรมราช - บินกลับด้วยไฟลท์ดึกสุด - ถึงดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ เย้ๆๆๆ 
อย่างที่บอกทริปนี้บ้านไกลเวลาน้อย ต้องเก็บที่เที่ยวให้หมดแบบที่ไปแล้วฟินๆ แล้วก็กินให้ยับ! ถึงจะบรรลุเป้าหมาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ว่ากันตามแผนแลนดิ้งอย่างปลอดภัยที่สนามบินสุราษฎร์ธานี เวลา 8.30 น. ก็ตรงดิ่งไปรับรถเช่า Avis กันเลย ส่วนรถที่เราสเป็คไปเป็นรถ Honda Civic 1.8 เพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง แถมสถานที่ที่เราไปหนทางค่อนข้างเป็นหลุมบ่อในบางจุด Honda Civic นี่แหล่ะงานดีเหมาะกับการเดินทางในทริปของเราเลย
หลังจากกรอกเอกสาร เจ้าหน้าที่ก็จะพาเรามาที่จอดรถ และก่อนส่งมอบรถเจ้าหน้าที่ก็จะทำการตรวจสอบริ้วรอยก่อนตามธรรมเนียม หลังจากนั้นก็รับรถแล้วขับออกไปได้เลยจ้า บรื้นนนน
 

Day 1
ร้านขุนทองหลางฮิลล์ - ต้นน้ำบ้านน้ำราดคีรีรัฐนิคม - ตลาดหน้าศาลเจ้า

จุดแรกที่มาถึง เราขอฝากท้องรอบเช้าไว้กับร้านนี้เลย ขุนทองหลางฮิลล์ ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณบ่อเหมืองแร่เก่าขนาดใหญ่ ระหว่างทางเข้าเป็นป่าสวนยางเรียงรายเป็นแนวสวย อากาศดีสุดๆ ไปเลย แล้วก็มีทั้งโซนห้องพัก กิจกรรมทางน้ำ และไหล่เขา แต่ที่พลาดไม่ได้คือที่นี่มีอาหารขึ้นชื่อหลากหลายเมนูมากกกก รวมถึงเมนูหากินยาก และวัตถุดิบในท้องถิ่นที่คัดมาปรุงกันสดๆ รสแรงแบบฉบับทางใต้เลย
เมนูแรก ผัดไทยไชยา บะหมี่ผัดสูตรต้นตำรับทางใต้พระเอกของงาน หรือเดิมเรียกว่า ผัดหมี่ ที่คนพื้นที่ผัดกันมานานมากว่า 100 ปีแล้ว นับเป็นอาหารพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์นี่แหล่ะจึงทำให้ ณ ปัจจุบันมีการนำน้ำผัดไทย จากเมืองไชยาไปทำการปรุงเป็นผัดไทยไชยาใน จังหวัดใกล้เคียงอื่นๆ เช่น นครศรีธรรมราช ชุมพร ระนอง สงขลา 
โดยน้ำผัดไทยไชยาก็จะมีส่วนผสมดังนี้ พริกแห้งชี้ฟ้าแดง หอมแดง โขลกรวมกันแล้วนำมาเคี่ยวกับหัวกะทิจนแตกมัน ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก และน้ำตาลปี๊บ รสชาติเค็มๆ หวานๆ แล้วหลังจากนั้นนำเส้นหมี่มาผัดกับน้ำผัดไทยไชยาจนแห้ง ได้รสชาติเค็มหวาน นิยมกินแกล้มกับถั่วงอก หัวปลี กุยช่าย และผักพื้นบ้านต่างๆ เวลากินบีบมะนาวใส่หน่อยหรอยจังฮู้ 
ยำปลาเม็ง เมนูนี้หากินยากสุดๆ ด้วยความที่ปลาเม็งตามธรรมชาติใกล้สูญพันธ์ุ ชาวบ้านก็เริ่มเพาะพันธุ์เลี้ยงกันแต่ก็ยังขาดตลาดอยู่ดี ตอนนี้ราคากิโลกรัมละ 500 - 2,000 บาท เลยนะ! ส่วนจานนี้ 300 บาท อ้ำแล้วรู้สึกเลอค่าในทุกคำ รสชาติเหมือนต้มโคล้งปลากรอบ หอมปลาย่างคลุ้งอยู่ปาก แซ่บจัดจ้านสุดๆ
แกงเลียงกุ้งสด ซดคล่องคอ รสชาติกลมกล่อมเผ็ดร้อน ใส่สารพัดผักที่หาได้ในท้องถิ่นลงไป แต่ที่แปลกใจคือใส่เผือกด้วยอ่ะ แถมรสชาติก็ดี๊ดีย์ คุณป้าบอกว่าเผือกจะช่วยให้น้ำซุปหวานกลมกล่อมเรยนิ
ยำผักเหลียงทอดกรอบ ที่นำเอาผักเหลียง ผักพื้นบ้านของทางใต้ มาชุบแป้งทอดกินแกล้มกับน้ำยำมะม่วง รสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน ราดลงบนใบเหลียงทอดกรอบฟินจัดหนักเลยจ้า
ปลากระพงสองใจ ปลาตัวใหญ่เนื้อแน่น 3 รสกลมกล่อม กินเคียงผักพื้นบ้านในจานที่เสิร์ฟมาพร้อม จานนี้บอกเลยกินไม่หมดข่าาา ปลาตัวใหญ่มาก 555
ผักกูดผัดกะปิ ผักพื้นบ้านที่ที่ไหนก็มี แต่รสชาตินี้กินได้ที่นี่ที่เดียว ผักกูดสดๆ ผัดกับกะปิใต้ รสชาติทั้งหอม มัน หวาน กินแกล้มแก้เผ็ดได้แบบดีงาม
หากใครที่อ่านแล้วอยากตามมาหรอยของอร่อย ร้านอาหารขุนทองหลางฮิลล์ ก็สามารถมารับส่วนลดกันได้ถึง 10% เพียงเปิดรีวิวนี้ หรือแคปหน้าจอไว้ แล้วแสดงให้กับทางร้านเพื่อขอรับสิทธิ์ ตั้งแต่แต่วันนี้ถึง 30 พ.ย. 61 นะคะ 
หรือถ้ากำลังมองหาร้านเด็ด ร้านโดนในจังหวัดอื่นๆ ของภาคใต้ในช่วง พฤษภาคม - สิงหาคม 2561 ททท. ภาคใต้ เขามีแคมเปญที่น่าสนใจอย่างคูปองส่วนลด Amazing Thailand Go Local @South โดยสามารถตรวจสอบช่องทางการรับคูปอง และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ที่นี่เลย http://spaceone.webstriple.com/

ร้านขุนทองหลางฮิลล์
พิกัด : 867 ถ.ขุนทองหลาง ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี 84120
เวลาเปิด - ปิด : 11.00 - 22.00 น.
โทรศัพท์ : 0 7796 1206

อิ่มหมีพีมันกันแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปคือ ต้นน้ำบ้านน้ำราดคีรีรัฐนิคม Unseen เมืองสุราษฎร์ธานี ที่เราใจจดใจจ่อรอการไปถึง เพราะที่นี่น้ำใสขึ้นชื่อเหมือนส่องกระจก และเป็นต้นน้ำที่เป็นลำธารขนาดเล็กที่เกิดจากธรรมชาติ 
การเดินทางเข้าไปทางจะเป็นหลุมนิดนึงไม่เหมาะกับรถโหลดเตี้ยนะคะบอกไว้ก่อน เรามีความหลงทางเสียเวลากันนิดหน่อยจนแอบเซ็ง แต่เมื่อไปเห็นกับตาบอกเลยว่าคุ้มค่ากับการมาเยือนมากๆ เห็นแล้วความเซ็งหายเป็นปลิดทิ้ง ฮาาาา 
น้ำทั้งใส ทั้งเย็นฉ่ำชื่นใจ สะอาด แหวกว่ายได้สบายแฮ และไม่ลึกเลย หินทรายใต้น้ำก็นุ่มเท้าไม่ต้องกังวลเศษของมีคมอะไรทั้งสิ้น จะระวังก็แต่ตะไคร่น้ำตามแผ่นหินที่จะทำให้ลื่นเท่านั้นเอง 
ที่นี่มีทั้งหมด 3 อ่าง คนดูแลสถานที่แจ้งว่าถ้าช่วงวันหยุดคนจะเยอะนิดนึง น้ำก็จะขุ่นๆ หน่อย ถ้าอยากเล่นน้ำสบายๆ ถ่ายรูปสวยๆ เล่นน้ำใสๆ ก็ต้องไปวันธรรมดากันนะจ๊ะ แถมที่นี่ยังมีกิจกรรมพายเรือคยัคด้วยก็ล่องไปตามคลองน้ำประมาณ 700 เมตร แค่คนละ 40 บาท แต่ถ้าพายไม่เป็นก็จะมีคนพายให้ จ่ายเพิ่มอีก 50 บาทเท่านั้น
ส่วนค่าธรรมเนียมเข้าสถานที่ไม่มีนะคะ แต่เขาจะมีตู้ตั้งไว้บริเวณจุดลงทะเบียนนักท่องเที่ยว ก็แล้วแต่เราจะหยอดตู้เพื่อบำรุงสถานที่เท่าไหร่แล้วแต่กำลัง จะมีก็แต่ค่าเข้าห้องน้ำ ห้องอาบน้ำคนละ 5 บาทเท่านั้น 

ปล. ทางสถานที่ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยง อาหารและเครื่องดื่ม กระดาษ ขวดน้ำ พลาสติก สบู่ ยาสระผม และยาเสพติดทุกชนิด เข้าไปนะคะ เพื่อความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่ค่ะ
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
พิกัด : ต.บ้านทำเนียบ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี 84180
เวลาเปิด - ปิด : 9.00 - 18.00 น.

เล่นน้ำจนเหนื่อย ใช้เวลาไม่มากไม่มาย 3 ชม. สวยๆ ให้สมกับที่ดั้นด้นมา ก็ต้องจำใจจากลามุ่งเข้าเมืองสุราษฎร์เข้าที่พัก คืนนี้เรานอนที่ Sabye D resort at Surat ซึ่งอยู่ในตัวเมืองและไม่ไกลจาก ตลาดหน้าศาลเจ้า แหล่งอาหารเย็นของเรา อิอิ
และแน่นอนนน ก่อนเข้าที่พักเราต้องแวะกินก่อน ตลาดศาลเจ้า จัดเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นตลาดเย็น (เปิดประมาณ 18.00 น.) เป็นแหล่งของกินที่มีร้านขึ้นชื่อมากมาย ทั้งอาหาร และขนมท้องถิ่น ที่เราคัดมาแบบจัดว่าเด็ดมาแล้วต้องโดน 
ร้านขนมครก ขนมดอกโดน หรือขนมดอกกระโดนนั่นเอง ขนมดอกโดนเป็นขนมทานเล่น สำหรับกินกับน้ำชา กาแฟ เนื้อนุ่ม ซึ่งปัจจุบันหารับประทานยากแล้ว ลักษณะเป็นแผ่นๆ คล้ายขนมรังผึ้ง แต่นุ่มนวลแบบวาฟเฟิล จะใส่ไข่ก็ได้แค่ 20 บาท สีสันน่าทานมากๆ ร้านนี้คนมาเข้าแถวคิวยาวรอซื้อ เพราะขนมร้านคุณป้าใช้แป้งอย่างดี ใช้กะทิสดๆ ทำออกมาแล้วแป้งหนานุ่ม กินตอนร้อนๆ อร่อยเหาะไปเลย มาแล้วต้องไม่พลาดค่ะ
ร้านคุณอารีย์ มีขนมโค โอ้โหชื่อแปลก ขนมโค เป็นขนมแป้งต้มคลุกมะพร้าวลักษณะคล้ายขนมต้มบ้านเรา แต่เม็ดเล็กเท่าหัวนิ้วโป้ง จิ้มมาคำนึงกินได้ประมาณ 5 เม็ด กัดเข้าไปจะมีน้ำฉ่ำๆ หวานๆ แตกโป๊ะออกมา รสชาติหอมหวานเหมือนน้ำตาลมะพร้าว ร้านนี้ขนมเขาจะแป้งนุ่มๆ ใช้มะพร้าวสดรสชาติจึงหอมหวาน โอ้ยยยยย ติดใจอยากกินอีกทำไงดี
ร้านน้ำฉีดเจ็กหมี เฮียแกขายน้ำหวานโบราณ ทั้งน้ำมะลิ กล้วยหอม ลิ้นจี่ สละครีมโซดา และอีกมากมาย แต่ที่ขึ้นชื่อลือชาและขายดิบขายดีก็คือ น้ำใบบัวบก! ดื่มแก้กระหาย ชื่นใจ น้ำใบบัวบกร้านเจ็กหมี ไม่เหม็นเขียว หวานหอม ชื่นใจ คนที่ไม่เคยดื่มอย่างเรายังชอบใจเลย
ทอดมันย่างเจ๊ลักษณ์ กลิ่นนี่ลอยฟุ่งหอมหวลมาแต่ไกลพอเดินเข้าไปใกล้ๆ คิวยาวมั่กฮ่ะ! กะว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวขากลับวกไปคนน่าจะซา ปรากฎว่าหมด! อร๊ายยยยยย อัลไลแว๊ แต่ถึงแม้ได้ลองชิม แต่ลองถามคนนั้นเขาบอกว่าทอดมันย่างเจ๊ลักษณ์รสชาติเหนียวหนุบ เผ็ดกำลังดี เข้มข้นถึงรสเครื่องแกงแถมตอนกินยังมีกลิ่นหอมของเตาถ่านด้วย แค่นี่ก็พอจะสื่อได้แล้วว่า ทอดมันย่างเจ๊ลักษณ์เจ๋งจริงฮู้
ร้านผัดไทท่าฉาง ป้าหนุ่ย กิตติศัพท์ความหรอยของร้านนี้ไม่ต้องพูดถึง ใครมาเป็นต้องเดินตรงแด่วมาลิ้มรสมือผัดไทไชยารสดั้งเดิมของร้านนี้ แต่เราโชคไม่ดีวันนี้ร้านหยุด ฮาาาาา งั้นดูเส้นผัดไทยร้านอื่นไปพลางๆ แล้วจินตนาการเอาแล้วกัน
ขนมจีนป้าอ้อย อร่อยแค่ไหนถามใจคนแถวนี้ดู ทำมาวันละ 8 - 9 หม้อ หมดเกลี้ยงทุกวัน การันตีด้วยหม้อเปล่า ฮาาาาา เหตุผลที่ทำให้ร้านขนมจีนป้าอ้อยมีคนอุดหนุนหนาแน่นทุกวัน เพราะเขามีน้ำยาให้เลือกหลากหลาย รสชาติกลมกล่อม เข้มข้น เมนูเด็ดเป็นขนมจีนแกงไก่ และขนมจีนแกงป่าลูกชิ้นปลา ใครอยากนั่งกินที่ร้านก็มีผักให้เลือกมากกก แถมตักผักได้ไม่อั้น 
แล้วยังมี ร้านก๋วยเตี๋ยวใบตอง (สูตรแป๊ะเล้า) น้ำซุปหอมกลมกล่อม เส้นเหนียวนุ่ม อร่อยไม่ต้องปรุง, ร้านโกตาราดหน้า (ราดหน้าผ้าขาวม้าแดง) ที่ขายมานานกว่า 30 ปี โดยใช้เตาถ่านในการปรุง มีทั้งราดหน้า ผัดซี้อิ้ว, เส้นใหญ่, เส้นหมี่, เส้นหมี่เหลืองแบน และร้านอื่นๆ อีกมากมายหรอยๆ ทั้งน้านนน
ตลาดนี้ถ้ามาถึงตอนเย็นไปจนถึงค่ำจะหาที่จอดรถลำบากหน่อย แต่อยากกินของอร่อยต้องอดทนนาจา ส่วนเราอิ่มแล้วขอเข้าที่พักตุนแรงไว้ตะลอนใต้แต่เช้าตรู่ก่อนนะจ๊ะ บัยส์ส์ส์ 

ตลาดศาลเจ้า
พิกัด : ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 84000
เวลาเปิด - ปิด : 18.00 - 22.00 น. (เวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลงใน วันวิสาขบูชา)
โทรศัพท์ : 06 3546 3036

 

Day 2
อุทยานธรรม (บ้านเขานาใน) - เขื่อนเชี่ยวหลาน - ครัวกุ้ยหลิน - คีรีวง ริเวอร์วิว

อรุณเบิกฟ้าาา นกกาโบยบินนน นักกินเที่ยวสายแข็งอย่างพวกเราล้อหมุนกันตั้งแต่ตีสี่ ฟังไม่ผิดล่ะจ้า น้องไก่เองยังตกใจ ไก่ยังไม่ทันขันพวกเอ็งจะรีบไปไหน ฮาาาา เป้าหมายปลายทางแรกของเราในวันนี้คือ อุทยานธรรม (บ้านเขานาใน) ซึ่งห่างจากที่พักเราไป 1.30 ชม. ถึงจะไกลไปสักหน่อยแต่เราและผองเพื่อนพยักหน้าใส่กันแล้วว่า ของต้องมี! จึงรีบออกเดินทางกันเพื่อไปเก็บแสงเช้า และวิวทะเลหมอกสวยๆ บนยอดเจดีย์ พร้อมกับไหว้สักการะขอพร และชมเจดีย์ลอยฟ้าที่สวยงามมากๆ ทั้ง 3 องค์
ซึ่งอุทยานธรรมเขานาในหลวง หรือเจดีย์ลอยฟ้าแห่งนี้ ตั้งอยู่บนยอดเขาหินปูนสูงจากพื้นดินเกือบ 300 เมตร และคือหนึ่งในสถานที่ปฏิบัติธรรม ชมทะเลหมอก สักการะรอยพระพุทธบาท โดยด้านบนยอดเจดีย์องค์กลางคือ พระพุทธศิลาวดี ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ก่อสร้างด้วยศิลาแลงจากเมืองกำแพงเพชร เพื่อให้เราได้ขึ้นไปกราบสักการะ และไหว้พระขอพรเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต
และนี่คือไฮไลต์ที่เรามุ่งมั่นดั้นด้นตื่นมาชม... พระอาทิตย์ขึ้นตกกระทบซุ้มประตูพุทธวดี 9 ยอด ความงดงามหาที่ติไม่ได้ เราได้แต่นั่งนิ่งมองกันอยู่อย่างงั้น สวยเหมือนภาพเขียนเลยล่ะ
หลังจากดื่มด่ำกับแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านซุ้มประตูพุทธวดี 9 ยอด กันหนำใจแล้ว ก็พากันเดินขึ้นสู่ พระพุทธศิลาวดี ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บนยอดเจดีย์กันบ้าง ว่าด้านบนจะสวยงามขนาดไหน
สวยงามสมกับที่ตั้งใจมากราบไหว้จริงๆ นอกจากความสวยงามเบื้องหน้าแล้ว ยังรู้สึกจิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูก... สถานที่แห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และศูนย์รวมแห่งความเชื่อและความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนของคนทั่วไปแล้ว ยังเป็นสถานที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ให้นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางสามารถทำบุญและไหว้พระที่นี่ได้ด้วย
อุทยานธรรม (บ้านเขานาใน)
พิกัด : หมู่ 8 ต.ต้นยวน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี
เวลาเปิด - ปิด : 7.00 - 20.00 น. 
โทรศัพท์ : 06 2873 7135

และแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อไปอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ของ จ.สุราษฎร์ธานี เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ใครๆ ต่างกล่าวขานว่างดงามดุจกุ้ยหลินเมืองไทย เนื่องจากเรามีเวลาน้อย แต่มีความงกในเรื่องเที่ยวครั้งนี้เราจึงมาล่องเรือแค่ 2.30 ชม. เท่านั้น มิได้ไปนอนแพกลางเขื่อนแต่อย่างใด แต่ระยะเวลาเพียงเท่านี้ก็ฟินได้เหมือนกันล่ะน่า (คิดเข้าข้างตัวเอง อิอิ) 
ซึ่งทริปนี้เราจะล่องเรือชม เขาสามเกลอ (ภูเขาหินกลางน้ำ) แล้วแวะแพนางไพรให้อาหารปลา ก็หมดเวลาพอดี โดยจ่ายค่าเหมาเรือไป 1,500 บาท สำหรับ 3 ชีวิต (ตกคนละ 500 บาท หรือถ้ามากกว่านั้นก็ยิ่งหารค่าเรือกันถูกลงค่ะ) และมีค่าธรรมเนียมก่อนลงเรือ คนละ 40 บาท
วันนี้ถือว่าโชคเข้าข้าง เพราะภาคใต้ขึ้นชื่อเรื่องเมืองสองฤดู (ฝน และร้อน) จะเที่ยวแต่ละทีต้องวัดดวง แต่ครั้งนี้ดูสิ วิวดีสวยจับใจ อากาศก็เป็นใจ ฟ้าใส ลมดี แดดก็ไม่แรงถือว่าประสบความสำเร็จไป 80% อีก 20% คือมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งไง ฮาาาา 
เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นภูเขาหินปูนที่มียอดแหลม และมีแนวหน้าผาสูงชัน ตั้งตระหง่านอยู่กลางสายน้ำตลอดเขื่อน ส่วนน้ำก็จะมีสีฟ้ามรกตเพราะว่ามีหินปูนอยู่มาก จนเกิดเป็นความสวยงามตามธรรมชาติจนถือได้ว่าเป็น Unseen เมืองไทยไปเลย
ชมความงามของเขาสามเกลอไปแล้ว ก็มาแวะที่แพนางไพรให้อาหารปลา แต่ว่าโชคไม่เข้าข้างเพราะดันมาในช่วงฤดูปลาวางไข่ โยนอาหารลงไปบรรดาแม่ๆ ก็ว่ายมาตอดกินกันนิดหน่อยก็ไป พี่คนขับเรือบอกว่า เพราะช่วงวางไข่แม่ปลาจะอยู่ในน้ำเย็น และมีไข่เต็มท้องมันว่ายขึ้นมาผิวน้ำไม่ไหว งั้นที่มาตอดนี่น่าจะเป็นบรรดาพ่อๆ บางส่วนมากกว่า ส่วนพ่อที่เหลือก็พาแม่ๆ อุ้มท้องไปหาทำเลวางไข่แหง๋ๆ 555 (จาบ้ากาลามังคิดได้ไง)
ชื่นชมความงามได้ไม่เท่าไหร่ก็ถึงเวลาต้องกลับแล้ว นั่งเรือมาก็ได้เวลาเที่ยงพอดิบพอดีพอให้เริ่มหิว แถมโดนฝนนิดหน่อยช่วงขากลับถือว่าหวุดหวิดพายุไปได้ และเที่ยงนี้เราจะไปกินมื้อเที่ยงกันที่ ครัวกุ้ยหลิน ร้านอาหารวิวเขื่อน บรรยากาศสนามกอล์ฟอันร่มรื่น 
ที่นี่ไม่ไกลจากท่าเรือเขื่อน ขับรถไปเพียง 10 นาทีก็ถึงแล้ว ล่องเรือมาหิวๆ แล้วได้นั่งกินข้าวชมวิวเขื่อนรัชชประภาด้วยช่างดีต่อใจ กระเพาะ ลำไส้จีจี และในส่วนของเมนูที่เราสั่งมานี้นั้นมีดังนี้
ปลาแรดทอดกระเทียม เมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ มาแล้วต้องสั่งทุกโต๊ะ ปลาตัวโตใหญ่กว่า 2 ฝ่ามือ เนื้อแน่นหวานอนุมานว่าเป็นปลาจากเขื่อน จับมาปรุงสุกใหม่ๆ แถมทอดมาแบบไม่อมน้ำมัน กรอบนอกนุ่มใน โรยด้วยกระเทียมเจียวกรุบกรอบ ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ๋บ จัดเป็นเมนูห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ปลากดผัดฉ่า รสร้อนแรงสมกับเป็นผัดฉ่าทางใต้ กินแกล้มพริกไทยอ่อน อร่อยไฟลุก!
กุ้งผัดกะปิสะตอ เมนูนี้ไปไหนต้องสั่ง! เพราะเป็นอาหารจานโปรดของเรา สะตอเม็ดเป้ง ผัดกับกะปิทางใต้ ใส่กุ้งตัวโตๆ หรอยแรง หรอยแรง
ยอดเหลียงผัดไข่ ซิกเนเจอร์เมืองปักษ์ใต้ใครมาแล้วต้องโดน เราเองก็จัดได้ทุกมื้อ แก้เผ็ดได้เป็นอย่างดี
หมึกผัดไข่เค็ม หวานๆ เค็มๆ กินแกล้มด้วยพริกหวาน และหอมใหญ่ ถ้ามาถึงที่นี่แล้วต้องสั่ง อร่อยจนต้องบอกต่อ ใครตามเรามาสั่งเลยไม่ผิดหวังรับรอง
หากใครที่อ่านแล้วอยากตามมาหรอยของอร่อย ครัวกุ้ยหลิน ก็สามารถมารับส่วนลดกันได้ถึง 10% เพียงเปิดรีวิวนี้ หรือแคปหน้าจอไว้ แล้วแสดงให้กับทางร้านเพื่อขอรับสิทธิ์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิ.ย. 61 นะคะ 

หรือถ้ากำลังมองหาร้านเด็ด ร้านโดนในจังหวัดอื่นๆ ของภาคใต้ในช่วง พฤษภาคม - สิงหาคม 2561 ททท. ภาคใต้ เขามีแคมเปญที่น่าสนใจอย่างคูปองส่วนลด Amazing Thailand Go Local @South โดยสามารถตรวจสอบช่องทางการรับคูปอง และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ที่นี่ http://spaceone.webstriple.com/

ครัวกุ้ยหลิน
พิกัด : 53 หมู่ 3 ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี 84230
เวลาเปิด - ปิด : 6.00 - 22.00 น.
โทรศัพท์ : 08 9000 2494

Next Station ลานสกา... หลังจากซัดข้าวกันมาคนละสองจาน เพื่อให้แน่ใจว่าระหว่างเดินทางจะไม่หิวขึ้นมาอีก เพราะจากเขื่อนเชี่ยวหลานเราจะต้องไปที่ คีรีวง ริเวอร์วิว ซึ่งเป็นที่พักของเราคืนนี้ จะใช้เวลาประมาณ 3.30 ชม. ซึ่งต้องทำเวลาพอสมควรเพราะไม่อยากไปถึงค่ำ สาเหตุที่เราเลือกที่จะขับรถไกลหน่อย เพราะอยากตื่นมารับอากาศเช้าที่หมู่บ้านคีรีวง หมู่บ้านที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทยนั่นเองงง ดังนั้นใครใคร่หลับก็หลับไป ส่วนเราขอรับหน้าที่พลขับนำท่านไปสู่ลานสกาด้วยตนเอง แค่แลกเปลี่ยนเป็นรูปสวยๆ เท่านั้นพอ อิอิ 
หลับที่อื่นฟื้นที่คีรีวง แถ่นแถ๊นนนน ถึงแล้วจ้าทำเวลาได้ดี ถึงตอน 18.30 น. พอดิบพอดี เรารีบเช็คอินเข้าที่พัก เพราะอยากยืดเหยียดกันเต็มที่ ที่โรงแรม คีรีวง ริเวอร์วิว เป็นโรงแรมขนาดเล็ก มีห้องพักทั้งหมด 6 ห้อง ซึ่งเราจองมาเป็นห้องพักแบบ VIP ราคา 2,000 บาท นอนได้ 3 คน (ที่นอนเสริม 200 บาท)
นี่ไงโฉมหน้าห้องพักของเรา ดูข้างนอกก็ธรรมดา แต่เปิดเข้ามาอย่างว้าวววววววว แม่เจ้าโว้ยยยยยย คือดีย์ คือเด็ด คือชอบ คือกว้างมว๊ากกกก นอน 4 คนได้สบายๆ นะเนี่ย 
ยิ่งตรงระเบียงยิ่งถูกใจ เพราะนอกจากจะกว้างแล้วมองลงไปมีธารน้ำตกไหล คือหลงรักเลย! อากาศดีเว่อออออร์ คือเฮ้ยยย 2,000 ไม่แพงเลย! หลังจากตื่นตาตื่นใจกับห้องพักแล้วก็ไม่ร่ำไร เราเก็บข้าวของแล้วรีบออกมาสั่งอาหารเย็นกันก่อนที่ ครัวลำงา เพราะครัวปิด 20.30 น. แต่เราสามารถนั่งแช่ได้ถึง 21.00 น. เพลานี้ก็ทุ่มกว่าแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันเอา และสำหรับสำรับในค่ำคืนนี้

เส้นหมี่ผัดซีอิ้วทะเล เมนูเส้นอาหารจานเดียวที่ใครมาแล้วเป็นต้องสั่งทุกราย อร่อยแบบไม่ต้องปรุง เส้นเหนียวนุ่มได้ครบรสหวาน เค็ม และเผ็ดร้อนจากพริกไทย แถมทำกันสดๆ จานต่อจาน กุ้ง หมึกก็ซื้อกันวันต่อวันไม่มีค้างคืนและวัตถุถิบที่นำมาปรุงล้วนมาจากท้องถิ่น จึงมีความสดใหม่ และที่มากไปกว่านั้นไม่มีผงชูรส ราคาไม่แพง แต่แอบแรงตรงจานใหญ่มากกลัวกินไม่หมด ฮาาา 
แกงส้มปลากระพงบอนขมิ้น เมนูชื่อแปลกแต่อร่อยและห้ามพลาดอย่างแรง บอนนี้เป็นผักท้องถิ่นที่ขึ้นอยู่บนเขา โดยทางร้านจะให้ชาวบ้านขึ้นไปเก็บมาปรุงเป็นแกงส้มให้เรากิน (พิเศษมั้ยล่ะ) ลักษณะจะเหมือนก้านสายบัว แต่พอเอามาทำแกงส้มน้ำแกงส้มจะซึมเข้าไปในก้านบอน กัดลงไปกลับนุ่มไม่กรอบแฮะ เมนูนี้เราชอบมากๆ
ยำผักกูดกรอบ ผัดกูดชุบแป้งทอดจนกรอบ ราดน้ำยำที่ปรุงถ้วยต่อถ้วย กินกรอบๆ ก็อร่อย ราดน้ำยำก็แซ่บ ให้สามผ่านเลย
ต้มส้มปลากระบอก ถ้วยนี้เด็ดจริงเพราะนอกจากปลากระบอกตัวเบ้งแล้ว เอกลักษณ์ของต้มส้มปักษ์ใต้เขาจะไม่ใช้น้ำส้มสายชูในการทำ แต่ใช้น้ำจากต้นจากมาหมักจนเป็นน้ำส้ม ซึ่งรสที่ได้จะหวานกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวแหลมเหมือนน้ำส้มสายชู
ใบเหลียงผัดไข่ อร่อยสุดคือที่นี่เลยตั้งแต่กินมา เพราะเขาคัดเอาแต่ใบเหลียงอ่อนๆ มาผัด รสสัมผัสที่ได้มันเค็มนิดๆ หวานนุ่มชุ่มลิ้น จานนี้หมดเร็วมาก
น้ำพริกกุ้งเสียบ มาใต้แล้วต้องไม่พลาดรสชาติแสบทรวง ตำกันถ้วยต่อถ้วย ไม่มีตำทิ้งไว้ รับออเดอร์เมื่อไหร่ค่อยตำ เสิร์ฟพร้อมผักพื้นบ้านตามฤดูกาล สด ใหม่ กรอบ หวาน เจริญอาหารมากมาย
อาหารที่นี่บอกก่อนว่าไม่มีใส่ผงรสซักเมนูเดียว และอร่อยมากๆ ทุกเมนูต้องมาลองกันนะคะ ส่วนคืนนี้เราหนังท้องตึง หนังตาหย่อนก่อนเพื่อน ขออาบน้ำนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงพากินพาเที่ยวต่อ ราตรีสวัสดิ์ค่า

 

Day 3
หมู่บ้านคีรีวง - ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา - ขนมจีนป้าเขียว - ร้านบ้านชายคลอง ปากพนัง

อรุณสวัสดิ์ค่าาา เช้านี้เราถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงธารน้ำตก นั่งจิบกาแฟฟังเสียงน้ำ ชมวิวโขดหิน พร้อมสัมผัสอากาศอันเย็นสบายของคีรีวง ก่อนจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัว ออกไปสำรวจวิวโรงแรมอีกเล็กน้อย เพราะเมื่อคืนมาถึงก็แทบไม่เห็นอะไรแล้ว
เมื่อทุกคนพร้อมเราก็ออกเดินทางกันค่ะ เดินทางไปธารน้ำนะ 555 จักรยานคนละคันปั่นเที่ยวโลดดดด ตรงหน้าโรงแรมเรามีจักรยานให้เช่า คันละ 50 บาท ปั่นได้ทั้งวัน เช่าวันนี้คืนอีกวันยังได้ แต่ต้องจ่ายเพิ่มนะ ฮาาา 
ที่พักของเราอยู่ตรงจุดที่เขาเรียกว่า หนานหินท่าห่า (จำง่ายมากหินๆ ห่าๆ นี่จำง่าย ฮาาา) ตรงจุดนี้ปั่นไปไม่เกิน 200 เมตร จะเจอสะพานแขวนลวดสริง ที่เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ ตรงกลางสะพานแขวน ด้านหลังภูเขา ด้านล่างน้ำตก รอบๆ ตัวคืออากาศดีปราศจากมลพิษใดๆ เราเชื่อแล้ว ว่าทำไมที่นี่ถึงได้ขึ้นชื่อว่า หมู่บ้านคีรีวง เป็นหมู่บ้านที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย
แถมหมู่บ้านนี้ยังเป็นหมู่บ้านที่มีน้ำตกไหลผ่านกลางหมู่บ้าน และเป็นเส้นทางของน้ำตกสองสายที่ไหลไปบรรจบกันเป็นแม่น้ำอยู่เบื้องล่าง แค่คิดก็ฟินไปไหนต่อไหนเหตุเพราะความใสตรงหน้านี่แหล่ะ เคยได้ยินมั้ยน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายวนไปมาน่าเอ็นดู มาที่นี่ก็เห็นนะ เห็นภาพมาเลยมั้ย 555
หลังจากปั่นไปได้สักพักก็ถึงเวลาต้องเช็คเอาท์แล้ว เพราะเราจะต้องไปต่ออีกไกลโข ลืมบอกไปที่ คีรีวง ริเวอร์วิว ไม่มีอาหารเช้าค่ะ จะให้บริการแค่กาแฟ โอวัลติน ขนมปังกรอบ เท่านั้นเราจึงต้องลี้ เพราะหิวแล้วข่าาา อาหารที่รองท้องไปย่อยแหล่ววว แต่สัญญาว่าเราจะกลับมาอีกแน่ๆ ค่ะ

คีรีวง ริเวอร์วิว
พิกัด : 24 หมู่ 9 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช 80230
เวลาเปิด - ปิด : ครัวลำงา 9.00 - 21.00 น.
โทรศัพท์ : 0 7553 3335

หลังจากเก็บกระเป๋าเช็คเอาท์เราก็ขับรถตรงไปที่ ร้านขนมจีนป้าเขียว มาแล้วบอกเลยไม่มีใครไม่รู้จักร้านอันโด่งดังนี้ ป้าเขียว ลานสกา ไม่ได้ชื่อเท่อย่างเดียวแต่อร่อยด้วย ด้วยฝีมือการทำน้ำยาขนมจีนอันลือลั่น ให้เยอะแบบไม่อั้น แถมใจดีจนเป็นที่รักของคนละแวกนี้ มีหรือที่เราจะไม่ไปหรอย!
ด้วยความที่ไปถึงประมาณ 9.30 น. คนจึงยังไม่มากนัก ก่อนกินก็เดินไปดูทั่วๆ (ดูว่าเขาสั่งกันยังไง) ก็เลยจับทางได้ว่า เราสั่งแค่ขนมจีน แล้วบอกคุณป้าว่าหนูมากันกี่คน คุณป้าก็จะจัดขนมจีนมาให้โดยดูตามจำนวนคน อย่างเรามากัน 3 คน คุณป้าก็จัดขนมจีนมาให้ครึ่งกิโล 1 กระจาด ถ้ามา 4 คน คุณป้าก็จัดขนมจีนมาให้หนึ่งกิโล (กิโลละ 150 บาท)
เมื่อขนมจีนมา น้ำยาก็ตามมาจ้า โดยมีน้ำยาทั้งหมด 4 แบบคือ น้ำพริกหวาน, ไตปลา, น้ำกะทิ และน้ำแกงป่า แล้วยังมีพริกน้ำปลาด้วยนะ น้ำปลานี่ยังอร่อยอ่ะ ถ้าเอาขึ้นเครื่องกลับด้วยได้นี่เอากลับนะพูดเลย
ส่วนผักเคียงที่กินกับขนมจีนน้ำยาก็มาสารพัด ทั้งผักดอง ผักลวก ผักสด ซึ่งทั้งหมดจะเป็นผักพื้นบ้านตามฤดูกาล และเป็นผักปลอดสารพิษทั้งหมด อย่างวันที่เราไปเป็นช่วงของกาหลา ที่จะมีเฉพาะเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน เท่านั้น และทั้งหมดที่กล่าวมานี้เติมไม่อั้นจ้า เพราะป้าเขียวจะคิดแค่ค่าขนมจีนอย่างเดียว หากกินไม่หมดก็ห่อกลับบ้านได้ พร้อมน้ำยา และผักสด ผักลวก ผักดอง เหมือนตอนที่กินในร้านเลย
กาหลา คือดอกมาไม้ป่าชนิดหนึ่งมีดอกสีแดง จะมีเฉพาะเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน รสชาติอมเปรี้ยว ป้าเขียวจะนะมาซอยกินแกล้มกับขนมจีนน้ำยา เข้ากันดีนะ
และหากยังไม่สาแก่ใจ ในส่วนท้อปปิ้งนั้น ถ้าอยากจะสั่งเพิ่มก็สั่งมากินแกล้มได้ ก็จะมีไข่ต้ม (ฟองละ 7 บาท 3 ฟอง 20 บาท), ห่อหมกปลาฝักถั่ว, ทอดมันกุ้งคลอง ใบเล็บครุฑ และไก่ทอด ส่วนน้ำดื่มเย็นๆ ก็มีให้กินฟรี หรือจะสั่งชา กาแฟเย็น น้ำสมุนไพร หรือน้ำอัดลม เขาก็มี นั่งยาวๆ กินกันให้ท้องแตกไปข้างนึงเลย ป้าเขียวไม่จับเวลาค่ะ 
แต่ถ้านั่งยาวเกินไปป้าเสกน้องสาวป้าเขียวอาจมานั่งคุยด้วย จนคุณต้องหนีไปเอง เพราะป้าเสกน่ารักและคุยเก่งมากๆ ค่ะ เราลองแล้ว ฮาาา

ร้านขนมจีนป้าเขียว ลานสกา
พิกัด : 8/2 หมู่ 5 ต.ท่าดี อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช 80230
เวลาเปิด - ปิด : 8.00 - 16.00 น.
โทรศัพท์ : 08 2814 4922

อิ่มจากขนมจีนป้าเขียว เราก็มาต่อของหวานที่ ร้าน ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา คาเฟ่เล็กๆ ที่ความเป็นจริงไม่เล็กเลย เพราะที่นี่จัดเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดของวันนี้เลยล่ะ และเป็นที่เดียวของลานสกา ที่ได้นั่งชิลล์จิบเครื่องดื่มบนตะแกรงลอยฟ้าชมวิวภูเขาแบบ 180 องศา โดยไม่มีอะไรมาบดบัง ว้าวป่ะล่ะ!
ที่นี่เปิดมาเพียง 1 ปี และได้รับผลการตอบรับดีเกินคาด ไม่ใช่แค่อากาศดี วิวสวย แต่ด้วยรสชาติอาหาร เครื่องดื่ม และบริการ ต่างทำให้ลูกค้าติดอกติดใจกันทั้งแถบ 
เรามาถึงแบบผิดแผนแดดแรงไปหน่อย เพราะที่นี่ถ้าจะให้ดีต้องมาตั้งแต่ 9 โมงเช้า เพราะนอกจากอากาศจะดีสุดๆ ด้วยทิศที่ตั้งอยู่เหนือลมจึงมีความเย็นสบาย เราจะเห็นทะเลหมอกลอยอยู่บนยอดเขาด้วย ส่วนอีกช่วงเวลานึงที่ดีไม่แพ้กันคือช่วง 4 โมงเย็นเป็นต้นไป เพราะจะเป็นวิวพระอาทิตย์ตกลงลับเหลี่ยมเขาสวยงามไม่แพ้ช่วงเช้า
แต่ไม่ว่าจะเวลาไหน ณ ช่วงเวลาที่เราอยู่นี้ แม้พระอาทิตย์เกือบตรงหัวก็ยังสวยอยู่ดี ไหนๆ เราก็มาแล้วขอสั่งอะไรมากินให้ฟินหน่อยไม่งั้นก็จะเหมือนมาไม่ถึง ขอนั่งเสพบรรยากาศ และของหวานไปพร้อมๆ กันเลย
ฮันนี่โทส ช็อคโกบานาน่า ขนมปังเนื้อหนานุ่มอบใหม่ๆ ราดช็อคโกแลตเข้มข้น ท้อปปิ้งด้วยวิปปิ้งครีมและไอศกรีมช็อคโกแลต แกล้มกับกล้วยหอม ฟินมากมาย และอีกเมนูเด่นที่ไม่ธรรมดา วาฟเฟิลสตรอว์เบอร์รี นุ่มหอมมัน ราดด้วยน้ำผึ้งหวานละมุนๆ ท้อปปิ้งด้วยวิปปิ้งครีมและไอศกรีมวานิลลา แกล้มกับสตรอว์เบอร์รีสด เข้ากันสุดๆ 
ส่วนเครื่องดื่มเราจัดมา 2 ที่คือ มัทฉะ กรีนที เฟรปเป้ และ บลูเบอรี สมูทตี้ บอกเลยฟินเบอร์แรง
ไหนๆ มาถึงที่แล้วจะให้พูดถึงแต่โซนคาเฟ่ก็จะดูยังไง ซึ่งตอนนี้ ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา มีโซนใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการไม่นานคือโซนห้องพักที่หรูเริ่ดอลังการดาวสิบแปดล้านดวงมากๆ แถมเกร๋ๆ ไม่เหมือนใครด้วยดีไซน์ห้องพักแบบบ้านดิน และบ้านไม้ ดูด้านนอกก็ว้าวแล้ว เปิดไปด้านในยิ่งว้าวกว่าอี๊กกกก 
อยากบอกว่าต้องเป็นแขกที่มาพักเท่านั้นนะคะถึงจะได้เข้ามาโซนนี้ เพราะทางเจ้าของอยากให้เป็นบริเวณที่มีความเป็นส่วนตัวจริงๆ สำหรับผู้ที่มาพักผ่อน ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 3000 บาท สำหรับบ้านไม้ และ 4000 บาท สำหรับบ้านดิน โดยสามารถจองผ่าน facebook ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา Little House in the Valley ได้เลยค่ะ
ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา 
พิกัด : 189 หมู่ 3 จ.นครศรีธรรมราช 80230
เวลาเปิด - ปิด : 9.00 - 18.30 น.
FB : ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา Little House in the Valley

หลังจากอิ่มเอมกับเครื่องดื่ม และเบเกอร์รี่ เดินเล่น นั่งเล่นชิลล์ๆ กับวิวหุบเขา ที่เหมือนได้มากินและฟินกับบรรยากาศในการท่องเที่ยวไปด้วยในตัวแล้ว ก็ถึงช่วงเวลาแห่งปลายทางสุดท้ายของทริปนี้ ร้านอาหารบ้านชายคลอง ที่หากใครเดินทางมาปากพนัง ก็ต้องมาแวะกินข้าวที่ร้านนี้เพราะเขาเปิดมา 10 ปีแล้ว จัดว่าเป็นขาใหญ่ละแวกกันเลยทีเดียว
ซึ่งเสน่ห๋ของร้านจะอยู่ที่ความอร่อยของอาหารสูตรพื้นบ้าน และวิวแม่น้ำปากพนัง ที่มีทั้งเรือประมง และเรือข้ามฟากแล่นผ่าน ยิ่งยามเย็นแขกจะมานั่งทานอาหารพร้อมชมวิวพระตกอาทิตย์ตกไปด้วย อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบมากของทัวร์ต่างชาติ ที่จะคอยแวะเวียนพานักท่องเที่ยวมากินอาหาร พร้อมเสพบรรยากาศวิถีท่าเรือประมงไปด้วย
มาว่ากันต่อที่อาหารดีกว่า เพราะร้านนี้จะเป็นร้านสุดท้าย ณ เมืองปักษ์ใต้ที่เราจะขอฝากท้องมื้อเย็นไว้ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ และด้วยความที่เป็นร้านอาหารสูตรพื้นบ้าน เราเลยขอสั่งแบบเจาะๆ ทิ้งทวนให้ถึงใจกันไปเลย

ปลากระบอกต้มส้ม ร้านนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เมืองปักษ์ใต้ เพราะเขาจะไม่ใช้น้ำส้มสายชูในการทำ แต่ใช้น้ำจากต้นจากมาหมักจนเป็นน้ำส้ม ซึ่งรสที่ได้จะหวานกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวแหลมเหมือนน้ำส้มสายชู ซดคล่องคอมากมาย แถมปลากระบอกตัวใหญ่ไข่เต็มท้อง จนคิดว่าครั้งหน้าต้องกลับมาซ้ำร้านนี้แน่นอน
แกงส้มปลาดุกลูกเขาคัน อ่านแล้วอาจงงๆ ลูกเขาคันเป็นไงแว๊ ลูกเขาคันคือผักพื้นบ้าน มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ กลมๆ ใสๆ คล้ายๆ มะเขือพวง แต่มีเมล็ดเหมือนองุ่น ซึ่งคนแถบนี้จะนิยมนำมาทำแกงส้ม เพราะมีรสเปรี้ยวช่วยชูรสให้แกงส้มกล่มกล่อมมากขึ้น 
นี่ค่ะโฉมหน้า ลูกเขาขัน ผักพื้นบ้านรสชาติเปรี้ยวจี๊ดดด
ผัดไทยไชยา ร้านนี้มาแล้วต้องกิน เพราะการันตีได้ว่าเป็นสูตรต้นตำรับเมืองปากพนังจริงๆ เส้นฉ่ำๆ แต่ยังมีความเหนียวนุ่มหนึบ รสออกเค็มหวาน กินแกล้มผักสดพื้นบ้าน ฟินไปถึงชาติหน้าเลย
ร้านบ้านชายคลอง
พิกัด : 031 ถ.พานิชสัมพันธ์ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช 80140
เวลาเปิด - ปิด : 10.00 - 21.00 น.
โทรศัพท์ : 0 7533 3831

จบลงแล้วกับทริปแหลงใต้ ตามรอยหรอยอาหารอร่อยขึ้นชื่อ ที่พูดได้เลยว่ากลับกรุงเตพนี่แบกน้ำหนักกลับมาเพียบเลยนิ เพราะนอกจากเน้นเที่ยวแล้วยังกินหนักซะด้วย ฮาาา สรุปว่าทริปนี้ประทับใจภาคใต้มีดี ทั้งแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สวยงามตามธรรมชาติ แถมอาหารพื้นบ้านก็หรอยจังฮู้วววววว ให้ไปเลย 10 กะโหลก รับรองว่าเราจะกลับมาใหม่แน่ๆ แต่ตอนนี้ต้องรีบเอารถเช่า Avis ไปคืนที่สนามบินก่อนตกเครื่อง
ปล. หากใครกังวลเรื่องรถเช่าก็ตัดปัญหาไปได้เลย เพราะ Avis มีบริการรถเช่าเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยค่ะ http://www.avisthailand.com/TH/index.php
 






Information

OPEN

- ไม่พบข้อมูล

TEL

- ไม่พบข้อมูล

PRICE

- ไม่พบข้อมูล

ADDRESS

- ไม่พบข้อมูล

FACILITIES

- ไม่พบข้อมูล

CONTACT

- ไม่พบข้อมูล

SHARE

share

#hashtag

RELATED