เที่ยวสระบุรี หนีเมืองกรุง บุก 3 ทุ่งดอกไม้ ทุ่งปอเทือง-ทุ่งเบญจมาศ-ทุ่งเก๊กฮวย

คอมมอน เบ่เบ๋! ต้อนรับซีซั่นสีสันลมหนาว ด้วยทุ่งดอกไม้แบบที่สาวๆ ชอบ ตามประสาคนชอบเที่ยว ที่วันๆ ก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อ??? ...เพื่อหาเงินเที่ยวสิจ๊ะ 555 ซึ่งในแต่ละครั้งเพื่อป้องกันความหว่าเว้ เราจะเลือกเพื่อนที่เหมาะสมกับที่ๆ เราอยากจะไป และครั้งนี้เพื่อนสาวมุ้งมิ้งนี่ล่ะเหมาะสุด 555
บิ้วพลพรรคสาวๆ มาเป็นเพื่อนเที่ยวได้สมใจก็นัดแนะออกเดินทางกันเลย ทริปนี้เตรียมพร้อมแค่เสื้อหนาๆ สู้กับไอหนาวพร้อมเสบียงเล็กน้อย เพราะออกกันแต่เช้าตรู่เลยไม่อยากแวะที่ไหนให้เสียเวลาเดินทาง แถมสตางค์ในกระเป๋าอันน้อยนิดก็จะได้ไม่กระเด็นออกไปเยอะ อิอิ 

ซึ่งจุดหมายแรกของเราก็คือ ไร่สุวรรณ ณ ปากช่อง นั่นเอง เลยสระบุรีไปนิดก็จะได้ไปปักหมุดนั่งชิลล์ท่ามกลางทุ่งปอเทืองสวยๆ กันแล้ว 
จริงๆ แล้วพูดถึง ไร่สุวรรณ ใครๆ ก็รู้จัก เพราะอยู่ติดถนนใหญ่มิตรภาพ และที่นี่นอกจากจะเป็น ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ แล้วยังเป็นที่ขายของฝาก อาหารแปรรูป ข้าวโพดหวาน และนมข้าวโพด อันลือลั่น หวาน หอม มัน ที่คนมาเข้าคิวซื้ออย่างยาวทุกวัน แต่ ณ จุดที่เรายืนอยู่นี้ข้าวโพดหวาน และนมข้าวโพด หาใช่เป้าหมายไม่ เพราะทุ่งปอเทืองที่อยู่เบื้องหลังนั่นต่างหากที่เราเฝ้ารอแก่การมาเยือน
ขับรถเข้ามาด้านในอดใจไม่ไหวในความสวย ถึงกับกระโดดลงรถมาเซลฟี่ในทันใด บอกเลยว่าสวยจริงๆ เพราะดอกปอเทืองเหลืองอร่ามบนพื้นที่หลายร้อยไร่ มองไปทางไหนก็สดใสสบายตา ยิ่งตัดกับท้องฟ้าใสๆ มีหมอกลงปกคลุมบางเบา แถมอากาศหนาวๆ แบบนี้ก็อยู่ยาวจนกว่าแดดจะออกล่ะค่ะ 
เดินถ่ายรูป ชมความงามของทุ่งปอเทืองได้สักพัก ก็ขอเติมอาหารเช้ากันก่อน #ด้วยบรรยากาศทุ่งดอกไม้ #ภายใต้อุณภูมิ 24 องศา #เวลา 8.00 น. #แดดอ่อน #ลมพัดเบาๆ #เครื่องดื่มร้อนๆ ไม่ฟินก็ไม่รู้จะว่ายังไง ว่าแล้วก็มามุงที่ตะกร้าเสบียงที่เราเตรียมมา มีแซนวิช, ผลไม้, น้ำดื่ม และเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อยลง 25% ที่เราชอบมาก เพราะถึงน้ำตาลจะน้อยลง 25% แต่รสชาติก็ยังอร่อยได้ใจเหมือนเดิม
เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อยลง 25% หอมสุดๆ พูดเลย ด้วยเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของเนสกาแฟ ที่กักเก็บกลิ่นและรสของกาแฟเอาไว้ได้อย่างเต็มที่ แถมผสมกาแฟคั่วบดละเอียดลงไปด้วย เวลาดื่มจึงเหมือนมีกาแฟสดแท้ๆ มาวางอยู่ตรงหน้า เพราะอิ่มทั้งรส ได้ทั้งกลิ่น อร่อยตั้งแต่จิบแรกจนหยดสุดท้าย
ดื่มกาแฟอุ่นๆ ควบคู่กับขนมปังแซนวิชเป็นอาหารเช้าในทุ่งปอเทือง ท่ามกลางอากาศเย็นๆ กับเพื่อนสนิท มันดีต่อใจจริงๆ อิ่มหนำกับ American Breakfast กันไปแล้วก็เดินเล่นถ่ายรูปกันต่ออีกสักหน่อย เพราะเราจะต้องเตรียมเดินทางไปที่พักสไตล์อิตาลีกันแล้วล่ะ 
หากใครที่อยากมาสัมผัสทุ่งปอเทืองเหลืองอร่าม แล้วเก็บภาพสวยๆ มาอวดบนโซเชียลแบบเรา แนะนำให้มาเที่ยวงาน เกษตรแฟร์ปากช่อง 60 ในวันที่ 8 - 11 ธันวาคม 2560 ณ ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ (ไร่สุวรรณ) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพราะนอกจากจะได้เข้ามาวิ่งเล่นในทุ่งปอเทืองแล้ว ยังมีสินค้าแปรรูป อาหารอร่อยๆ และกิจกรรมอีกมากมายให้ได้ทำกันอย่างเต็มอิ่มเลยทีเดียว 
คืนนี้นอนนี่นะ มีลา การ์เด้นท์ ที่นี่แหล่ะที่เราว๊าปมา ระหว่างการเดินทางมาที่นี่ตอนแรกแอบคิด เขาคิดอะไรน๊อออถึงได้มาสร้างรีสอร์ทซะไกลแบบนี้ เพราะทั้งลึก ทั้งห่างไกลจากถนนใหญ่มาเยอะมาก แต่ทันทีที่เลี้ยวรถเข้ามา ความรู้สึกเปลี่ยนเลยจ้า การได้สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
แอบสืบมาว่าที่นี่เปิดมาได้ 2 ปี และที่มาสร้างลึกขนาดนี้เพราะทางรีสอร์ทต้องการให้ผู้ที่มาพักได้อยู่กับธรรมชาติ และเป็นสถานที่พักผ่อนที่หลีกหนีความวุ่นวาย พร้อมกับอาหารสุขภาพที่ทางรีสอร์ทคัดเอง ปลูกเอง ทำเอง เสิร์ฟเอง ทั้งผักออแกนิก ผลไม้ปลอดสารพิษ นมสดจากฟาร์ม ขนมปังโฮมเมดด้านนอกว่าสวยแล้ว ด้านในสวยกว่าอี๊กกก มีสระว่ายน้ำด้วย แต่ครั้งนี้เราขอผ่านก่อน ก็มันหนาววว
หลังจากเวลคัมดริงค์ ก็ได้เวลาเข้าห้องพักกันแล้ว Mela Deluxe (8,500 บาท - พักได้ 4 คน) ห้องพักของเราเป็นบ้านสองชั้น 2 ห้องนอน ดีไซน์เก๋ โปร่ง โล่ง แต่ดูอบอุ่นด้วยพื้นไม้ ภายในห้องก็สวย วิวนอกห้องมองออกไปก็ดีงาม จนทำให้รู้สึกว่าราคาห้องพักนี่ถูกลงไปเลย เฟี้ยวมั้ยล่ะ ชั้นบนเตียงสีเขียวมะนาว ชั้นล่างเตียงสีม่วงกำมะหยี่ แต่ที่เราชอบมากๆ คือเพดานที่สูงโปร่ง และวิวที่มองออกไปจากห้องนอนมันจะกว้างๆ โล่งๆ มีสเปซส่วนตัวให้ทิ้งสายตาได้แบบไม่มีอะไรมาบดบัง เหมือนเขาคิดมาแล้วว่าทุกห้องต้องได้รับธรรมชาติแบบเต็มๆ
มาดูห้องอื่นๆ กันบ้าง เผื่อใครอยากตามรอยก็เลือกห้องพักกันตรงนี้ได้เลย Stone Cottage (3,300 บาท - พักได้ 2 คน) สวยงาม ลงตัวทั้งประตูทางเข้า และระเบียงชมวิว ตรงประตูทางเข้าเป็นสระน้ำเล็กๆ ใสกิ้ง นั่งชิลล์เล่นได้สบายเลย 
ห้องพักแต่ละห้องตั้งใจออกแบบมาให้ดูกว้างขวาง เรียบ โล่ง หรู แต่ดูมีความสบาย อย่างห้องนี้สามารถเข้าพักได้ 2 ท่าน แต่เอาเข้าจริงเราว่านะ 4 คนยังสบายๆ เลยอ่ะ
ห้องนี้เปิดประตูออกไปวิวจังงังมากๆ สวยสุดๆ
Terrazzo (9,500 บาท - พักได้ 4 คน) บ้านหลังเดี่ยว 2 ห้องนอน ที่มีความเป็นส่วนตัวอย่างชัดเจนด้วยความรั้วรอบขอบชิด แต่ก็ไม่บดบังทัศนียภาพด้านนอก ภายในตกแต่งด้วยโทนน้ำตาลอบอุ่น เหมือนมีเตาผิงอยู่ในบ้านยังไงอย่างงั้น ส่วนเรื่องความสวยงาม สะดวกสบายคงไม่ต้องบรรยายมาก เพราะดูเองก็รู้
ด้วยความที่เราไปวันธรรมดาบรรยากาศอาจดูสงบเงียบไปสักหน่อย เราเลยถามว่าแล้ววันหยุดคนเยอะมั้ยคะ ทางรีสอร์ทตอบว่าห้องเต็มเกือบตลอดค่ะ แต่ก็จะอยู่กันเงียบๆ แบบนี้แหล่ะ เพราะแขกส่วนใหญ่จะมาพักผ่อนแบบส่วนตัวจริงๆ ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ เพราะเราเองก็ไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะ และที่นี่ก็เหมาะกับคนที่หลีกหนีความวุ่นวายอย่างแท้จริง
เดินเล่นชมรีสอร์ทไปเรื่อยๆ ก็ไปสะดุดกับสิ่งนี้... ทุ่งดอกเก๊กฮวย เอาจริงๆ ก็ไม่ถึงกับเป็นทุ่งนะ เป็นเพียงสวนเท่านั้น แต่ดอกเก๊กฮวยนี่ฟูแน่นสวนเลย แล้วดอกเก๊กฮวยสวยๆ ในสวนนี้แหล่ะที่ทางรีสอร์ทนำมาตากแห้ง แล้วต้มทำน้ำเก๊กฮวยให้แขกที่มาพักได้ดื่มกัน เราชิมแล้วด้วย หวานหอมมากๆ และเป็นความหอมแบบไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนเลย คงเป็นเพราะต้มสดๆ และเด็ดจากสวนนั่นเองจึงหอมเจ้มจ้นได้ถึงขนาดนี้
ส่วนนี้คือต้นโรสแมรี่ ที่ทางรีสอร์ทนำก้านสดๆ ไปเป็นส่วนประกอบในการปรุงเพื่อทำสเต๊กให้แขกที่มาพักทานกันค่ะ ฟูมั้ยล่ะ
อีกส่วนหนึ่งที่อยากนำเสนอ คือที่นี่เขาปลูกแอปเปิ้ลเขียวด้วยค่ะ แต่ที่เราเห็นนี่ทางรีสอร์ทเขาตัดแต่งกิ่งให้มันแตกออก มันเลยจะดูทื่อๆ ไปนิดนึง แต่เค้าออกลูกตลอดทั้งปีนาจา แต่จะมากสุดก็ช่วงต้นหนาวนี่ล่ะ นอกนั้นก็จะมีออกมาประปราย อีกอย่างต้นแอปเปิ้ลนี้ทางรีสอร์ทเขาเพาะพันธุ์เอง ปลูกจากเมล็ดจนเติบใหญ่มาถึงขนาดนี้เลย เก่งจัง 
และแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่เราโปรดปราน! อาหารเย็นไงล้าววว 555 หิวมากเลยขอบอก แต่จะบอกว่านี่เพิ่ง 17.30 น. เองฟ้ามืดซะแล้ว ยิ่งมืดก็ยิ่งหิวสินะ หยิบเมนูมาดูกลับแปลกใจที่พักสไตล์อิตาลี แต่มีเมนูอาหารไทยเป็นหลัก! อย่างงี้ก็ถูกใจเราน่ะสิ เพราะนึกว่าจะมีแต่สเต๊ก สปาเก็ตตี คาโบนารา ซะแล้ว
จัดมาแบบหิวๆ 5-6 อย่าง เริ่มด้วย ปีกไก่ทอดเกลือ (120 บาท) ปีกเล็กๆ ขนาดกำลังดี มีความกรอบ ออกเค็ม กินกับข้าวอร่อยเริด!
หมูสามชั้นผัดกะปิ (150 บาท) เนื้อหมูสามชั้นนุ่มหนึบเคี้ยวกรุบกรึบ ได้รสหวานเค็มจากกะปิ ผัดใส่สะตอ หรอยจังฮู้
วอเตอร์เครสผัดไข่ (120 บาท) เมนูนี้อาจเหมือนใบเหลียงผัดไข่แต่ไม่ใช่อย่าเข้าใจผิด วอเตอร์เครสจัดเป็นผักตัวท็อปที่นี่ ใครมาเป็นต้องสั่งทั้งผัด ต้มจืด อร่อยจริงๆ
หมูสามชั้นทอดเกลือ (120 บาท) เมนูนี้ดีงามทั้งหมู ทั้งน้ำจิ้ม แป๊บเดียวหมดจาน
แกงส้มต้นคูณ (250 บาท) เมนูนี้ถ้ามาแล้วต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ถือเป็นแกงซิกเนเจอร์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เด็ดมากๆ จนอยากให้มาลองเอง
และนี่คือโฉมหน้าของเครื่องดื่ม 3 ทหารเสือ ที่ดื่มได้ดื่มดีชื่นใจสุดๆ จากซ้ายน้ำเสาวรส ตามด้วยมิ้นต์อัญชัน และน้ำในดวงใจของเราน้ำเก๊กฮวย
หลังจากฟินกันไปกับการเที่ยวทุ่งดอกไม้ ชมสวน และอิ่มพุงจิแตกไปกับอาหารเย็น คืนนี้ก็หลับเป็นตายกันหมดทั้งสามนาง 

แต่เราก็ยังพยามลุกขึ้นมารับอากาศเย็นในตอนเช้า ชมหมอกบางๆ สูดอากาศบริสุทธิ์กับกาแฟถ้วยโปรดให้ร่ายกายได้อบอุ่นรับวันดีๆ กันสักหน่อย ไม่รู้ว่าเสพติด หรือว่ากลัวผิดธรรมเนียม 555 
หลังจากยืนดื่มด่ำกับธรรมชาติยามเช้า และกาแฟถ้วยโปรดพักใหญ่ เราก็ย้ายไปทานอาหารเช้าเพื่อให้การเที่ยววันนี้ได้มีแรงไปต่อ (ข้ออ้างของคนตะกละ 555) เจอกันอีกแล้วนะจ๊ะ Rosemary Restaurant
อาหารเช้าที่นี่จะเป็นเซ็ทให้แล้วแต่เราจะเลือก ก็จะมีทั้ง สลัดกุ้งทอด+ซุปผักโขม, ไข่ดาว+แฮม+เบคอน+ไส้กรอก+ซุปผักโขม, ซีเรียล+นมสด+ซุปผักโขม ไปจนถึงข้าวต้ม, ข้าวผัด และผัดซีอิ้ว แล้วตบท้ายด้วยผลไม้สดจากไร่ตามฤดูกาล 
อิ่มแล้วระหว่างทางเดินกลับห้องพักเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียม Check Out ก็แอบแวะส่องแปลงผักเขาซะหน่อย มีทั้งผักชี, ต้นหอม, กระเพรา, คะน้า, ผักบุ้ง, พริกขี้หนู, มะกอกบ้าน, มะละกอ, มะขาม, เชอร์รี่, ผักสลัด และอื่นๆ อีกมากมายอธิบายไม่หมดเลยจ้าาา ของเขาดีจริง งามจริง ปลูกจริง ทำให้กินจริงๆ ด้วย!
หลังจากเพลิดเพลินกับสวนผักออแกนิกกันไปแล้ว ก็กลับเข้าห้องพักอาบน้ำอาบท่าเตรียมเดินทางต่อ และตามธรรมเนียมก่อน Check Out ออกเดินทางเราก็ชงเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อยลง 25% ใส่กระติกเก็บความร้อนติดไปด้วย เราว่ามันง่ายดีเพราะไม่ต้องไปวนหาซื้อกาแฟสดให้เสียเวลา แค่มีซองนี้แล้วมีน้ำร้อน ก็เหมือนมีกาแฟสดติดตัวไปทุกที่ แถมหาซื้อก็ง่ายได้ที่ซูเปอร์มาเก็ต, ร้านสะดวกซื้อ และ 7-11 เซเว่นอีเลฟเว่น
Mela Garden
90 หมู่ 10 ต.ลำพญากลาง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
โทร. 0 3629 8115
www.melagarden.com
https://www.facebook.com/melagardenretreatcottage/

มาถึงทุ่งดอกไม้ที่ 3 ของทริปแล้ว ทุ่งดอกเบญจมาศ สวนบิ๊กเต้ นั่นเอง สวนนี้จัดว่าเป็นสวนเบญจมาศที่ใหญ่ที่สุดของ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เลยล่ะ ไปดูกันว่าจะฟูฟ่องล่องลอยกันขนาดไหน 
บอกเลยว่าสวยงามสมกับที่ดั้นด้นมาจริงๆ เพราะส่วนหนึ่งเขาปลูกไว้ขาย อีกส่วนหนึ่งปลูกไว้ให้คนที่ตั้งใจมาชม มันเลยกลายเป็นทุ่งเบญจมาศบนพื้นที่หลายสิบไร่ โดยปลูกสลับกันไปมาหลากสีสันกว่า 30 สายพันธ์ุกันเลยทีเดียว
โดยมีค่าเข้าชมเพียงคนละ 20 บาทเท่านั้น แต่เก็บเฉพาะคนที่เข้าชมเท่านั้นนะคะ ส่วนใครที่อยากนั่งหลบแดดรับลมสบายๆ สามารถนั่งชมทุ่งดอกเบญจมาศจากคาเฟ่ ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สวนบิ๊กเต้
172 หมู่ 5 ต.หนองยางเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
เปิดทุกวัน 8.00 - 17.30 น.
โทร. 08 1878 4569
https://www.facebook.com/pg/bigtaegarden/about/?ref=page_internal

หลังจากชื่นชมสวนดอกไม้จนสาแก่ใจให้สมกับค่าเข้าชม 20 บาท กันไปแล้ว เราก็ออกเดินทางไปที่ สวนผักครูสรรเสริญ เพื่อปิดท้ายทริปให้สมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก หากใครไม่รู้จักจะท้าวความให้อีกหน่อยว่าครูสรรเสริญคือผู้ที่ทำน้ำสลัดรสชาติเยี่ยม ที่เราๆ ท่านๆ เคยเห็นวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตนั่นเอง
และวันนี้ถือว่าเป็นวันที่โชคดีมากๆ เราได้พบกับ อาจารย์สงบด้วย (ไม่ต้องสงสัยค่ะ อาจารย์สงบ คือพ่อของลูกของครูสรรเสริญค่ะ อาจารย์สงบกล่าวไว้ 555) อาจารย์สงบได้ให้ความรู้ พาชมสวนผัก และผลิตผลทางการเกษตรที่มีหลากหลาย โดยเฉพาะมะเขือเทศราชินี ต้นอ่อนทานตะวัน ผักสลัดต่างๆ ที่สามารถเด็ดกินสดๆ จากต้นได้เลย เพราะที่นี่คือสวนผักปลอดสารพิษค่ะ
โฉมหน้ามะเขือเทศราชินี เราน่าจะแอบเด็ดกินไปครึ่งกิโลได้ 555 หวาน กรอบ สด อร่อยจริงๆ ค่ะ
หลังจากพาชมสวนผักเป็นที่เรียบร้อย อาจารย์สงบก็ชวนไปทำสลัดโรลกัน สนุกสนานกันใหญ่เพราะเพิ่งเคยทำกันครั้งแรก ทำไปกินไป ผักก็สด แป้งก็นุ่ม น้ำสลัดก็เข้มข้น จนหลังๆ มีแต่คนกินไม่มีคนทำ 555
หากใครชอบผักปลอดสารพิษก็แวะเวียนมาที่สวนผักครูสรรเสริญได้นะคะ ที่นี่มีผักสด และน้ำสลัด จำหน่ายในราคาเป็นกันเอง แถมโชคดีได้เจออาจารย์สงบ อาจได้ของแถมเล็กๆ น้อยๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปแบบพวกเรา เพราะอาจารย์ใจดีมากๆ ค่ะ
หากใครแวะเวียนไปสระบุรี แล้วบังเอิญเป็นคนชอบดื่มด่ำกับธรรมชาติ รักการกินผัก ผลไม้ และอยากหลีกหนีความวุ่นวายมาใช้ชีวิตง่ายๆ ก็ตามมา Check in ได้ใกล้ๆ แค่สระบุรีนี่เอง แล้วอย่าลืมพก เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อยลง 25% กาแฟสดในซองไปด้วยนะคะ