Hello Macau หลายๆคนคงรู้จักมาเก๊ากันมาบ้างแล้ว อาจจะคุ้นหาเคยได้ยินชื่อ หรือบางคนก็เคยแวะเวียนมาเที่ยวที่นี่ มนมาเก๊าแห่งนี้ถูกขนานนามว่า ลาสเวกัสแห่งโลกตะวันออก ก็เพราะมาเก๊ามีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์รวมไปถึงอีกมุมนึงมาเก๊ายังมีแหล่งบันเทิงอย่างคาสิโนขนาดใหญ่หลายๆแห่งเรียกได้ว่าทั่วทั้งเมืองก็ว่าได้ และเป็นอีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยวที่อยากฝากไว้ ทั้งในเรื่องของอากาศและวัฒนธรรม ถ้าให้พูดถึงคงมีอีกแต่อย่างน้อยลองไปสัมผัสพร้อมกันว่า มาเก๊า มีอะไรน่าสนใจและน่าเที่ยวเมื่อมาเยือนบ้าง
และการเดินทางในครั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณ การท่องเที่ยวมาเก๊าประจำประเทศไทย #macauthailand ที่ทำให้ทริปนี้สนุกสนานครบรส และสมบูรณ์แบบมากที่สุด ด้วยการต้อนรับอย่างดีและเป็นกันเอง อีกทั้งงานนี้ EDTguide ไม่ได้ไปแค่เพียงเรา แต่ยังมีทีมงาน พลพรรคนักปรุง นำโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และแฟนๆ รายการ เรียกได้ว่าทริปนี้เป็นทริปที่ทั้งสนุกสนานและสดใสเป็นกันเองมากๆ แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่ก็น่ารักกันทุกคนเลยล่ะ เอาล่ะเราลองไปดูให้เห็นกับตาพร้อมๆ กัน ว่าที่นี่เค้ามีดีอะไร มาแล้วควรไปไหน ทำอะไร พร้อมแล้วออกเดินทางพร้อมกันเลย
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ลงเครื่องปั๊บเราไปทานร้านนี้กันเลย Lua Azul restaurant (Dim Sum) เน้นอาหาร ติ่มซํา เป็นร้านหรูหราโอ่โถง ขณะนี้เป็นเวลามื้อเที่ยงกว่าๆ แล้ว แต่ผู้คนแน่นขนัดตา โดยแบ่งเป็นห้องๆ เรียกได้ว่า ทานมื้อนี้แบบส่วนตัวเป็นกันเอง แล้วก็แต่ละเมนูก็อร่อยแตกต่างกันไป อร่อยเต็มโต๊ะเลยค่ะสำหรับมื้อนี้
มาเก๊ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง เริ่มต้นที่เที่ยวที่แรกเลยดีกว่า Macau Tower ใครที่มาเที่ยวมาเก๊าต้องห้ามพลาดที่นี่เลย เป็นหอคอยชมวิวที่มีความสูงติดอันดับ 10 ของโลก อยู่อันดับ 8 ของเอเชีย ความสูงกว่า 338 เมตร มองเห็นมาเก๊ามุม 360 องศา อีกทั้งด้านในนี้ยังเป็น แหล่งช้อปปิ้ง ภัตตาคาร แล้วก็ยังมีโรงภาพยนตร์ ด้านใน ครบครันเลยใช่มั้ยคะถ้าเข้ามาด้านในแล้ว
Indoor Observation Deck ตั้งอยู่ชั้น 58 มีความสูง 223 เมตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาชมความงาม วิวของเมืองมาเก๊า ได้จากมุมสูงที่นี่เลย Macau Tower ยืนอยู่บนแผ่นกระจกใส มองทะลุสู่พื้นดินด้านล่าง ทั้งสวย ทั้งแอบหวาดเสียวนิดนึงค่ะ
แล้วกิจกรรมใน มาเก๊าทาวเวอร์นี้ ก็มีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ Guinness World Record highest Bungy Jump, SkyJump or the Skywalk X ใครที่ไม่กลัวความสูง ลองเลย AJ Hackett Macau
วัดอาม่า A-Ma Temple ที่อยู่ Barra Square วัดอาม่าเปิดให้เข้าชม 07.00 – 18.00 น. วัดอาม่า หรือ ศาลเจ้าแม่ทับทิม ถือได้ว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับอาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมาเก๊า ต่าง ก็ต้องแวะมาไหว้สักการะบูชา อาม่า ที่วัดแห่งนี้ค่ะ เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองค่ะ โดยบูชาธูปด้านในได้เลยค่ะ
และภายในมีศาลเจ้า และก้อนหินขนาดใหญ่ แกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาแบบโบราณ สวยงามค่ะ ใครๆ เข้าไปก็ต้องเก็บภาพ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกค่ะ สวยงามในแบบฉบับของมาเก๊าใช่มั้ยคะ รู้รึเปล่าคะว่าวัดอาม่านี้ ได้รับการยกย่องให้เป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2005 อีกด้วยค่ะ
ในระยะทางอีกไม่ไกลมากจากวัดอาม่า เราเดินเล่นๆ ไปต่ออีกที่นึงกันดีกว่าค่ะ Mandarin’s House เป็นถนนเล็กๆ ทางเดินน่าเดินค่ะ เดินไป ถ่ายรูปไป ระหว่างทาง
Mandarin’s House หรือ คฤหาสน์ ขุนนางจีน จะมีการตกแต่งแบบจีนโดยแท้ แต่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกเข้ามาอยู่บ้าง Mandarin’s House หลังนี้ จะมีลักษณะของวัฒนธรรมแบบมาเก๊าแท้ๆ และที่นี่ไกด์เล่าว่า เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นผู้มีอันจะกิน หรือคนรวยสมัยนั้นนั่นเอง ภายในแมนดารินเฮ้าท์นี้ด้านใน ก็จะมีห้องจัดแสดงให้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของบ้านนี้อีกด้วยค่ะ
และที่นี่เป็นตัวอย่างของบ้านอยู่อาศัยของชาวจีนแบบโบราณแท้ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1881 โดยนักประพันธ์จีนผู้ยิ่งใหญ่นามว่า เฉิง กวนยิ่ง ค่ะ วันเวลา เปิด - ปิด : 10:00 - 18:00 น. ( ปิดทุกวันพุธ ) ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ
Grand Prix Museum พิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังปรีซ์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะเป็นสถานที่รวบรวมรถที่ใช้ในการแข่งขันจริง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แล้วภายในพิพิธภัณฑ์ จะมีเรื่องราวของการแข่งขันมาเก๊ากรังปรีซ์ มาจัดแสดงตลอด
รถแข่งกรังปรีซ์สวยๆ ของจริงให้ได้ใกล้ชิดถ่ายภาพกันตลอดการเดินชม แถมไปกว่านั้น ก็ได้ลองเทสเครื่องซิมูเลเตอร์ที่จำลองบรรยากาศของการขับรถแข่งบนสนามแข่งด้วยตัวเอง มันส์กันล่ะงานนี้ Grand Prix Museum เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) เปิด-ปิด เวลา 10.00 น. – 18.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ท่านละ MOP$ 10, เด็กและผู้สูงอายุ ท่านละ MOP$ 5 ไม่แพงอย่างที่คิดค่ะ
บรรยากาศบริเวณด้านในนี้ติดกันก็ยังมี Wine Museum อยู่ชั้นใต้ดินของอาคารศูนย์กิจกรรมนักท่องเที่ยว ให้ได้ลิ้มลอง เรียกได้ว่าชมรถแข่งเท่ๆเสร็จ ก็ได้ชิมไวน์ รสชาติต่างๆ ทั้งสำหรับสาวๆ ก็มีให้เลือกมากมายค่ะ
ภายในมีห้องที่เก็บไวน์อายุมากกว่า 100 ปี และเมืองมาเก๊าได้รับวัฒนะธรรมการกินดื่มมาจากโปรตุเกส ไวน์จึงเป็นเครื่องดื่มอีกชนิดที่สำคัญในมื้ออาหารของชาวมาเก๊าค่ะ
นอกจากนี้ระหว่างการเดินชม Wine Museum ก็จะจัดแสดงในส่วนของการนำเครื่องแต่งกายแต่ละแบบ และไวน์แต่ละท้องถิ่นมาให้ดูภายใน Museum
ค่ำคืนๆแรกที่ต้อง Dinner @Prive restaurant (French Cuisine) อาหารฝรั่งเศส ในโรงแรม Sofitel Macau
มื้อนี้จัดหนักที่ห้องอาหารระดับห้าดาวค่ะ โดยอาหารแต่ละเมนูทั้งรสชาติเยี่ยม แถมปรุงด้วยความตั้งใจ อีกทั้งแต่ละเมนูที่จัดวางตกแต่งสวยหรู แบบไม่กล้าทานกันเลยทีเดียว เพราะแต่ละจานจัดวางสวยมากค่ะ
เพิ่มการทานอาหารให้ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น คืนนี้ไม่ธรรมดาเลยมีเชฟของโรงแรม โชว์ฝีมือรังสรรค์ให้ดูในแต่ละเมนู
แล้วยิ่งไปกว่านั้น เชฟพล คุณพล ตัณฑเสถียร ก็ได้ยืนดูเป็นผู้ช่วยเชฟอยู่ข้างๆ และเชฟพล ได้อธิบายการปรุงแต่งแต่ละเมนู แบบรู้ลึกรู้จริงอีกด้วย แหม่ อยากทานเข้าไปใหญ่ค่ะ
ออกไปย่อยเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกก่อนกลับมานอนกันดีกว่าค่ะ
Wynn Hotel บริเวณด้านหน้าโรงแรม Wynn จะมีโชว์การแสดง น้ำพุเต้นระบำ (Performance Lake Show) เต็มไปด้วยแสงสีจากน้ำพุตอนที่กำลังโชว์ แสงสีและเพลงไพเราะสวยงามค่ะ โชว์น้ำพุนี้ก็จะมีหลายรอบต่อวันด้วยกัน แต่ในวันเสาร์ จะเป็นโชว์ใหญ่ แสงสีเสียงครบแบบที่เรียกว่าฟิน
การแสดงโชว์น้ำพุนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-24.00 น. จะมีแสดงให้ชมทุกๆ 15 นาที แต่ถ้าเป็น วันเสาร์ ซึ่งดูจากข้อมูลมีรอบ 20.30 กับเวลา 21.30 น. เป็นช่วงเวลากำลังดีไม่ดึกมากไปค่ะ เมื่อทุกคนได้รับความสนุกเต็มอิ่ม ก็กลับที่พักเพื่อเตรียมเที่ยวต่อในวันถัดไปค่ะ
VDO Clip น้ำพุเต้นระบำ (Performance Lake Show)
http://www.youtube.com/watch?v=Wkbsb5zjHNA&feature=youtu.be
คืนนี้พักที่นี่ค่ะ โรงแรมระดับห้าดาวอย่าง โรงแรมโซฟิเทล Sofitel Macau at Ponte 16 Hotel มาเก๊า ที่พักริมน้ำระดับ 5 ดาวในย่านเก่าแก่ของ Macau อีกใจกลาง เมืองมาเก๊า ล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยสะดวกมากมาย วิวจากห้องก็แจ่มไปเลยค่ะ มองเห็นวิวทิวทัศน์แม่น้ำและชายฝั่งของ Mainland China
แถมขอบอกว่า ใกล้กับ จัตุรัสเซนาโด หรือ เซนาโด้ สแควร์ (Senado Square) แหล่งศูนย์รวมวัยรุ่น และนักท่องเที่ยวมากมาย ที่นี่ทั้ง เดินเล่นชิลล์ๆ ช้อปปิ้งอีกด้วยใกล้แบบขนาดที่ว่าเดินไปได้ ไม่ไกลค่ะ สะดวกสบายมากๆ เดินเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงแล้วค่ะ ไม่ต้องนั่งรถแท๊กซี่ให้เปลืองสตางค์ค่ะ ถ้าพักอยู่ที่ Sofitel Hotel แห่งนี้ล่ะก็ ก็จะใกล้กับสถานที่ดังๆเหล่านี้ค่ะ Wynn ,Lisboa , Grand Lisboa , MetroPole , Senado Square , St. Paul แจ่มว้าวไปเลยใช่มั้ยคะ
บรรยากาศ Senado Square ครึกครื้นและคักคักค่ะ ยิ่งช่วงกลางวันก็คึกคักดี นักท่องเที่ยวและคนที่มาเก๊าต่างมาช้อปปิ้งกัน
ช่วงกลางคืนมาเดินเล่นชิลล์ๆ ก่อนนอนก็สวยค่ะ ถ่ายรูปกับ ซากโบสถ์ St. Paul ก็ได้ค่ะ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาเก็บภาพที่ระลึกว่ามา มาเก๊าต้องถ่ายกับ โบราณสถานแห่งวิหารเซนต์ปอล St. Paul ค่ะ สวยมากๆไม่ว่าจะมาถ่ายกลางวัน หรือกลางคืน
เดินเล่นเต็มที่แล้วก็ได้เวลากลับไปนอนเอาแรงกับวันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ
เช้าวันที่2 ของการเที่ยวที่มาเก๊า หลังจากที่ทานอาหารเช้าของโรงแรมที่ห้องอาหาร Leisure เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวเที่ยวกันต่อเลยดีกว่า เพราะที่เที่ยวที่มาเก๊าเค้าเยอะม๊ากกก เกรงว่าจะช้าเดี๋ยวเที่ยวไม่ครบ อิอิ
เช้านี้อากาศเย็นพอสมควรเพราะมีฝนปรอยปรายลงมา ท้องฟ้าเลยดูอึมครึมกันนิดนึง นั่งรถไม่ถึงสิบนาที ก็ถึง Kun Iam Temple วัดพระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นอีกวัดที่เก่าแก่ในมาเก๊า เวลาทำการเปิดปิด 10.00-18.00 ทุกวัน ค่ะ Kun Iam Temple แห่งนี้ มีอายุกว่า 600 ปี สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 นอกจากนั้นแล้วยังเป็นสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมือง มีโต๊ะหินที่ใช้เป็นสถานที่ลงนามในสนธิสัญญาทางมิตรภาพระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน เมื่อปีค.ศ.1844
มาวัดในมาเก๊าทั้งที ก็อย่าลืม สักการะ ขอพร ตั้งจิต อธิษฐานให้บุญกุศลกันนะคะ และสามารถ ซื้อชุดธูปสักการะได้ภายในวัดเลยค่ะ ถ้าได้มาเยือนมาเก๊า ก็อย่าลืมแวะมากราบไหว้ ขอพรนะคะ
ไปต่อกันเลยที่ พิพิธภัณฑ์มาเก๊า ที่ป้อมมองเต Museu de Macau (Macau Museum) ที่นี่ถือได้ว่าเป็นแหล่งความรู้ แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ Macau Museum ที่นี่ถือได้ว่า เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจในเอเชีย ซึ่งที่นี่เป็นศูนย์รวมข้อมูล ภาพจำลอง สิ่งของโบราณที่มีความเก่าแก่แต่ยังคงเก็บไว้ให้ได้ศึกษา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองเปรียบเสมือนตัวแทนในการเล่าเรื่องความเป็นมาของดินแดน มาเก๊า
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสีสันอีกหนึ่งของเมืองมาเก๊า ผสมผสานระหว่างจีนและโปรตุกีส เข้ามาด้านในแล้วเดินเที่ยวชมช้าๆ ให้เพลินค่ะ ถ่ายรูปในนี้ก็ได้นะคะ เค้าไม่ได้ห้ามค่ะ วันเวลาทำการ เปิด - ปิด 10.00 – 18.00น. (ปิดทุกวันจันทร์)
ถัดมาจาก Macau Museum เดินมาหน่อยบริเวณใกล้ๆกัน ก็จะเป็น Mont Fortress อยู่ด้านบน ค่ะ ใช้บันไดเลื่อนอันนี้เป็นเส้นทางที่สะดวกเพื่อขึ้นไป Mont Fortres Mont Fortress จะเป็นลานโล่งๆพอขึ้นมาบนนี้ จะเป็นลานกว้างโล่งๆ ค่ะ ปืนใหญ่เพียบเลยบนนี้ มองลอดปืนใหญ่ออกไปก็จะเห็นวิวเมืองมาเก๊าได้ด้วยนะคะ อีกมุมนึงแอบมองเห็นโรงแรมที่เราพักด้วยล่ะ Sofitel @ Ponte’ 16 Mont Fortress เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในสมัยโบราณ อาจที่เลือกจุดนี้ก็เพราะว่าวิวมองได้โดยรอบทั่วเมืองจริงๆค่ะ และที่นี่เปิดให้คนได้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อ 18 เมษายน 1998 งดงามเก่าแก่และโบราณแต่ยังคงความงามไว้อยู่ว่ามั้ยคะ
ใกล้มื้อเที่ยงแล้วค่ะ มื้อนี้ไปทานที่ Litoral restaurant เป็นร้านอาหารแมงกานีส ก็คือ (อาหารสไตล์ โปรตุเกสผสมมาเก๊า) อาหารแมงกานีส รสชาติดีทีเดียวค่ะ อร่อย หน้าตาอาหารก็น่าทานทุกๆอย่างค่ะ เสิร์ฟมาทีละอย่างสองอย่าง และแล้วก็เต็มโต๊ะค่ะ
มื้อนี้หรูหราไฮโซอีกแล้ว นอกจากหน้าตาของอาหารจะดูดีแล้ว รสชาติอาหารก็อร่อยด้วยนะคะ ถ้าใครมาเที่ยวมาเก๊าแนะนำต้องลองค่ะ ทานกันอิ่มหนำแล้วไปเที่ยวกันต่ออย่ารีรอค่ะ
พิพิธภัณฑ์บ้านไทปา (Taipa Houses Museum) ที่มาเก๊ามีพิพิธภัณฑ์เยอะมากกกกก ว่ามั้ยคะ ได้ยินมาว่าที่มาเก๊ามีพิพิธภัณฑ์มากถึง 25แห่งเชียวล่ะ
Taipa Houses Museum นี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนสายโรแมนติกของทุกคู่รัก เป็นสถานที่ที่โรแมนติกก็ว่าได้ ในขณะที่เดินชมโดยรอบ ก็เห็นคู่รักมาถ่าย Pre wedding กันด้วยล่ะ บรรยากาศที่นี่ โอบล้อมด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายสวยงามด้วยดอกไม้ ต้นไม้เขียวขจีค่ะ
ภายในพิพิธภัณฑ์ จะมีบ้านสไตล์โปรตุเกสเรียงกัน 5 หลังสีเขียวขาวแบบคลาสสิค แต่ละหลังมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป Macanese House, House of Islands, House of Portugal Regions, Exhibition Gallery และ Reception House ภายในแต่ละหลังมีการจัดแสดงโชว์ภาพ และสิ่งของเครื่องใช้ ในวิถีชีวิตของชาวมาเก๊า และชาวโปรตุเกสในแบบดั้งเดิมค่ะ
พิพิธภัณฑ์บ้านไทปา เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร)เวลาทำการเปิด-ปิด 10.00 น. – 17.00 น. ค่าเข้าชม 5 MOP / ท่าน ค่ะ
จากนั้นเดินทางไปที่ City of dreams มาแล้วก็อย่าได้พลาดนะ มามาเก๊าทั้งทีต้องมาเยี่ยมชมความอลังการในซิตี้ออฟดรีมนี้ก็จะมีทั้ง Casino, แหล่งช๊อปปิ้ง, การแสดงหรือโชว์ต่างๆนาๆมีทั้งแบบฟรีแล้วก็แบบที่เสียตังค์ค่ะ อีกทั้ง SOHO dining ที่สุดของความบันเทิงเมืองแห่งความฝัน ที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อไม่นานนี้เอง เดินเล่นเรื่อยๆดูนั่นดูนี่ แสงสีไฟ ทั้งสวยทั้งอลังการ ก็อดที่จะเก็บภาพบรรยากาศไว้ไม่ได้
มื้อนี้ ดินเนอร์สุดหรูระดับ5ดาว the jade dragon ใน City of dreams ภัตตาคารสุดหรูเชฟระดับ มิชลินสตาร์ มื้อนี้แสนพิเศษพวกเราได้มีโอกาสได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเชฟระดับ มิชลิน ได้ให้เข้าไปเยี่ยมชมครัวแบบ exclusive อีกทั้งบนโต๊ะอาหารในมื้อพิเศษมื้อนี้ ก็ไม่ธรรมดามีแต่อาหารขึ้นชื่อ ทั้งอร่อยและคุณภาพคับ มื้อนี้เล่นเอาอิ่มหนำสำราญในรสชาติอาหารแต่ละอย่างบอกเลยว่าโอชะจริงๆ อร่อยทุกเมนู
ปิดท้ายด้วย แสงสีเสียง งานที่ venetian เป็นงาน venetian carnival เป็นงานประจำปีของที่มาเก๊า เราได้มีโอกาสมาวันที่เค้ามีงานนี้พอดี มีโชว์ แสงสีเสียงแบบตื่นตาตื่นใจ ทั้งการแต่งกายชุดแฟนซี ที่เห็น อีกทั้งการแสดงต่างๆ ทั้งมายากล หรือการแสดงสายฟ้าฟาด สุดยอดเสียงที่เรียกว่ากระหึ่มจริงๆ มาเที่ยวทั้งทีมาเจองานนี้แบบฟรีๆกลับไปก็คุ้มค่าค่ะ
เช้าวันสุดท้ายที่มาเก๊าแล้วนะคะ วันนี้มีโอกาสแวะไปช้อปปิ้งปิดท้ายที่ Venetian ในเช้านี้ แล้วต่อด้วยไปวัดอาม่าที่อยู่บนเขา
A MA temple หรือเจ้าแม่ทับทิมคือเทพผู้ปกปักรักษาเกาะมาเก๊า คนละที่กับที่ไปวันแรกนะคะ
จากนั้นก็แวะไป ชิมทาร์ตไข่เจ้าต้นตำรับทีร้าน Lord stow's bakery กินกันแบบสดๆใหม่ๆร้อนๆจากเตาอบ
เจ้าของร้าน Ms. Eileen Stow ก็ออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี ทาร์ตไข่ร้านนี้เป็นเจ้าแรกเจ้าต้นตำรับเลยนะคะ ถ้ามาแล้วลองหาทางมาชิมทาร์ตไข่ที่ร้านนี้ค่ะ ซื้อกลับไปเป็นของฝากก็ถูกใจแน่ๆ
แวะทานอาหารกันก่อนขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยกันก่อนค่ะ ที่ร้าน Restaurant space lisboa เป็นอีกหนึ่งร้าน สุดยอดแห่งความประทับใจอาหารแบบโปตุกีสในมาเก๊า เป็นร้านเล็กๆแต่บรรยากาศในร้านดีเยี่ยมค่ะ
อาหารเต็มโต๊ะแล้วก็หลายๆอย่างก็ถูกปากอร่อยค่ะ ไวน์และเบียร์รสชาติเยี่ยมอีกด้วยค่ะ
เป็นไงบ้างคะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากลองไปเที่ยวมาเก๊าสักครั้งในชีวิตกันบ้างรึเป่าคะ ไม่ไกลจากประเทศบ้านเราเลยนะคะ
อาหารที่พักก็หากินง่ายอยู่ง่ายค่ะ สถานที่เที่ยวรวมถึงวัด และพิพิธภัณฑ์ก็มีมากมาย รับรองว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าอยู่แล้วก็ตื่นตาตื่นใจค่ะ และต้องขอขอบคุณทริปดีๆ ในมาเก๊าครั้งนี้ ที่พาพวกเรากินดี อยู่ดี แบบอิ่มหนำสำราญ เที่ยวก็สนุกแถมเป็นกันเอง ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวมาเก๊าประจำประเทศไทย #macauthailand อีกครั้ง
https://www.facebook.com/th.macautourism และครั้งหน้าเราจะกลับมาเที่ยวที่นี่ เมืองมาเก๊าอีกแน่นอน แล้วมาสัมผัสลาสเวกัสโลกตะวันออกอีกครั้งเป็นแน่
