เสน่ห์หน้าฝน ยลสีสันแห่งเมืองอุบลฯ

แม้จะเป็นช่วงหน้าฝน แต่การออกเดินทางไปเที่ยวตามรอยแห่งสีสันที่จังหวัดอุบลราชธานีเราก็ได้ความประทับใจกลับมาหลายอย่าง ทั้งสีสันที่ถูกแต่งแต้มขึ้นมาและสีสันที่ธรรมชาติสร้างขึ้น

เริ่มต้นที่ การแวะไปชื่นชมสตรีทอาร์ต ผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ ที่ถ่ายทอดวิถีชีวิต แนวคิดและวัฒนธรรมของชาวอุบล ผ่านผลงานศิลปะตามฝาผนังตามจุดต่างๆ ภายในเมือง

และที่นี่คือ Once Upon a Time โขงเจียม ศูนย์จำหน่ายสินค้าแฮนด์เมด ศูนย์รวมข้อมูล ข่าวสาร แหล่งการเรียนรู้เรื่องการทอผ้า ศูนย์สาธิตการย้อมผ้า การย้อมคราม การประดิษฐ์พวงกุญแจ DIY และยังมีมุมกาแฟ รวมถึงที่พักราคาประหยัด เพียงคนละ 300-350 บาทเท่านั้น 
 

Once Upon a Time โขงเจียม
ที่อยู่ : หมู่ 1 ถ.แกล้วประดิษฐ์ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
เปิดทุกวัน เวลา 07.00 - 20.00 น.
โทร. 0 4521 0324
Facebook : Once Upon a Time: Khongchiam Tourist Information Center
ราคาที่พัก ห้องพัดลม คนละ 300 ห้องแอร์คนละ 350 บาท มีห้องพัก 3 ห้อง รองรับได้ 10 คน 
 

มาอุบลฯ ครั้งนี้ มื้อแรกจัดเต็มกันที่ร้าน แพอาหาร อารยา ร้านอาหารริมแม่น้ำโขง ที่มีเมนูอาหารหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ทอดมันปลากราย, ซี่โครงหมูทอดกระเทียม, ปลาคังลวกจิ้ม, กุ้งฝอยชุบแป้งทอด, ส้มตำลาว

แพอาหาร อารยา
เปิดทุกวัน 09.00-20.00 น.
ดูรายละเอียดร้านเพิ่มเติม คลิก แพอารยา กินข้าวเสร็จขับรถเที่ยวต่อ แวะถ่ายรูปเล่นที่ ตึกขาว ร.ศ.112 อาคารพาณิชย์หลังแรกของอุบลราชธานี ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชม คุณยายเจ้าของบ้านเดินออกมาทักทายพอดี พอขอถ่ายรูปก็มีเจ้าใบตอง น้องหมาแสนรู้มาเป็นตัวแถมด้วย (น่ารักจัง)

จากนั้นแวะนมัสการพระพุทธไสยาสน์ วัดถ้ำเหวสินธุ์ชัย ชมน้ำตกเหวสินธุ์ชัย ภาพน้ำตกไหลแรงแบบนี้จะมีให้เห็นเฉพาะในหน้าฝนเท่านั้น การมาเที่ยวช่วงปลายเดือนกรกฎาคมแบบนี้ ก็เลยสัมผัสได้ถึงความชุ่มฉ่ำกันอย่างเต็มที่ แต่ตอนเดินต้องระมัดระวังนิดนึงเพราะพื้นกระเบื้องขัดมัน พอฝนตกจะค่อนข้างลื่น

ออกจากวัดถ้ำเหวสินธุ์ชัย ไปเที่ยวกันต่อที่ จุดชมแม่น้ำสองสี ซึ่งเกิดจากการที่แม่น้ำมูล แม่น้ำที่ยาวที่สุดในเมืองไทยและแม่น้ำโขงไหลมาบรรจบกัน แต่เป็นเพราะวันนั้นฝนตกน้ำก็เลยขุ่น แมน้ำสองสีก็เลยมองเห็นไม่ชัดเจนเท่าไร

แต่เราก็ยังไม่ลดความพยายาม ไปชมวิวอำเภอโขงเจียมและแม่น้ำโขงเพื่อเก็บภาพมุมสูงที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์

ปิดท้ายวันแรกที่ โบสถ์เรืองแสง ที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวDAY 2
เช้าวันที่สอง ตื่นตั้งแต่ตี 5 ออกเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ไปรับอรุณสีทองของวันใหม่ สัมผัสเฉดสีส้ม แดง น้ำตาล ชมภาพเขียนสีโบราณ ที่ปรากฏอยู่ตามโขดหิน ณ จุดนี้ถ้าจะเที่ยวให้อินต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่อุทยานเพราะเค้าจะมีเจ้าหน้าที่พาไปชมพร้อมบอกเล่าถึงความสำคัญของจุดต่างๆ
 

และนี่คือ ตัวอย่างภาพเขียนสีโบราณ ที่ปรากฏอยู่ตามโขดหิน

อีกจุดคือ เสาเฉลียง ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม แต่ต้องขับรถออกไปอีกจุดหนึ่ง เสาเฉลียง เกิดจากการกัดเซาะหินทรายจนกลายเป็นประติมากรรมธรรมชาติ หากเดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นลานหินและยังมีรอยแยกของหิน ซึ่งคาดกันว่าที่นี่น่าจะมีอายุนับพันปี

หลังจากที่ตื่นแต่เช้า เที่ยวมาแล้วสองที่ก็เลยแวะรองท้องเบาๆ ด้วยไข่กระทะ และก๋วยจั๊บญวน ที่ร้านครัวน้องจอย ที่อยู่ไม่ไกลจากอุทยานฯ

จากนั้นแวะเที่ยวน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรูที่หลายคนรู้จักกันดี แต่การมาในช่วงหน้าฝนแบบนี้จะได้เห็นภาพน้ำตกที่ไหลแรงกว่าปกติ แต่น้ำอาจจะไม่ค่อยใสเหมือนช่วงอื่นๆ

จากอุทยานแห่งชาติผาแต้ม มุ่งหน้าไปที่อำเภอเขมราฐ ไปเยือนถนนสายวัฒนธรรมเขมราษฎร์ธานี เมืองแห่งนี้ชื่อเดิมว่า เขมราษฎร์ธานี แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนตัวสะกดมาเป็น เขมราฐ ที่แปลว่า ดินแดนแห่งความเกษมสุข

อำเภอเขมราฐ คือ ดินแดนที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง ในช่วงเย็นวันเสาร์ตั้งแต่ 18.30-20.30 น. ถนนสายเล็กๆ แห่งนี้จะกลายเป็นถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยการออกร้านและการแสดงศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม

หากมีโอกาสมาเยือนถนนแห่งนี้ต้องไม่พลาดที่จะมาเช็คอินที่โรงแรมสุขสงวน โรงแรมแห่งแรกของเขมราฐและสักการะพระเจ้าใหญ่องค์แสน ที่วัดโพธิ์

ปิดท้ายทริปสั้นๆ ของเราที่ร้านส้มตำสุดแซ่บ ยายโส ตำระเบิด จบทริปอุบล 2 วัน 1 คืนของเราด้วยความประทับใจเหมือนอย่างเคย ถ้ามีเวลามากกว่านี้สักหน่อยก็คงจะดี เพราะยังมีอีกหลายที่ที่เราอยากแวะ โดยเฉพาะอำเภอเขมราฐ เราได้มาแค่แป๊บเดียว เอาไว้คราวหน้าจะหาโอกาสมานอนโฮมสเตย์ มาสัมผัสวิถีริมโขงให้มากกว่านี้ และที่แน่ๆ จะไม่พลาดถนนคนเดินแน่นอน...

ขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและ PALETTE OF THAILAND ตลับสีเมืองไทย...เฉดสีบันดาลใจ ให้คุณออกไปเดินทาง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.paletteofthailand.com/