Banner Placeholder
Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4

แวะเที่ยวตามรอยพ่อ @ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัด นครพนม (หลังเก่า)

แวะเที่ยวตามรอยพ่อ @ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัด นครพนม (หลังเก่า)


จากที่เราจะตั้งใจจะไปเที่ยว งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง ที่จังหวัดสกลนคร และงานไหลเรือไฟ ที่จังหวัดนครพนม ในช่วงวันออกพรรษาที่ผ่านมา แต่ก่อนการเดินทางเพียง 2 วัน ก็ได้ทราบข่าวการสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เราเลยเปลี่ยนแผนเที่ยวเมืองสกลนคร นครพนม เน้นไหว้พระ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวงแทน


นี่คือ รีวิว วันแรกของเรา ที่สกลนคร http://www.edtguide.com/review/454198/sakon-nakhon-Candle-Castle


วันที่สองของทริปนี้ เราเดินทางไปนครพนมกันแต่เช้า เริ่มต้นที่แรก แวะไหว้พระธาตุศรีคุณ พระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันอังคาร เราเพิ่งรู้ว่า จ.นครพนม เป็นจังหวัดที่มีพระธาตุครบทั้ง 8 วัน นับรวมคนเกิดวันพุธกลางคืนอย่างเราด้วย เราเดินทางมานครพนมเป็นครั้งแรก รู้สึกประทับใจกับความสวยงามของวัดวาอาราม ระหว่างการนั่งรถไปตามสถานที่ต่างๆ สังเกตได้ว่าวัดที่นครพนมสวยทุกวัดจริงๆ

 

เรามุ่งหน้าไปที่ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เพื่อสักการะ พระธาตุพนม พระธาตุประจําปีวอก (ปีลิง) ที่นี่คนเยอะมาก

 

และที่ดูแตกต่างจากภาคกลางบ้านเรา คือ ความสวยงามของบายศรี อันเป็นเสน่ห์ของภาคอีสานที่พบเห็นในทุกๆ วัด ดอกไม้ที่ใช้ไหว้พระส่วนใหญ่จะเป็นดอกดาวเรือง แบบดอกเล็กๆ ที่ปลูกตามบ้าน การมาเยือนนครพนมในวันนี้เรามีโอาสได้ ร่วมทำบุญ ห่มผ้าพระธาตุพนมเพื่อสิริมงคลในชีวิตด้วย

 

มีคนบอกว่า มาพระธาตุพนม ต้องไม่พลาด กาละแมพรประเสริฐ พอได้ชิมแล้วบอกได้คำเดียวว่า! อร่อยมากกกก แอบติดใจในความหอม หวาน มัน ของกาละแมร้านนี้ เราซื้อติดมือกลับไปเป็นของฝากด้วย

 

ถัดจาก พระธาตุพนม เดินทางไป อ.เรณูนคร นมัสการพระธาตุเรณู พระธาตุประจำวันเกิดผู้ที่เกิดวันจันทร์ พระธาตุแต่ละที่ของนครพนม มีความสวยงามเฉพาะตัว พระธาตุเรณู เปรียบเสมือนหญิงสาวที่มีความงดงาม เนื่องจากองค์พระธาตุเป็นสีชมพู องค์พระธาตุดูใหม่ เหมือนเพิ่งถูกบูรณะมาไม่นาน

 

แล้วเราก็มุ่งหน้าไปทางถนนสุนทรวิจิตร เพื่อทานอาหารใกล้ๆ เขื่อนริมโขง ประทับใจ บรรยากาศริมฝั่งโขง เพราะมีลมพัดผ่านตลอดเวลา ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเล่นรับลมอยู่ชายทะเล 
จุดนี้ คือ จุดที่ประชาชนมารวมตัวกันมาชมการไหลเรือไฟ แต่เพื่อเป็นการถวายความอาลัยแด่พ่อหลวง จึงต้องงดเว้นงานไหลเรือไฟและการเฉลิมฉลองต่างๆ ซึ่งยังคงมีร่องรอยของงานทิ้งไว้ให้เราได้เห็นกันบ้าง เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เห็นตอนประดับไฟสวยๆ...เอาไว้โอกาสหน้าละกันนะ

ร้านอาหาร สบายดี นครพนม คือร้านที่เราแวะทานอาหารกลางวันกัน 
 

เมนูแนะนำของร้านคือ อาหารเวียดนาม และเมนูจากปลาแม่น้ำ เราสั่งเมนู แหนมเนือง, ปลาลิงต้มเค็ม ซึ่งเป็นปลาหายากจากแม่น้ำโขง และยังมีพันหอม เมนูอาหารเวียดนาม ที่ยังไม่เคยทานมาก่อน แค่คำแรกที่เคี้ยวเข้าไป กลิ่นมิ้นท์หอมๆ ก็มาเตะจมูก จนพวกเราต้องถามที่ร้านว่า ข้างในนี้คือใบอะไร ทางร้านบอกว่า มันคือใบสะระแหน่ลาว นั่นเอง

 

นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยอย่าง ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ยำหมูยอ หมูแดดเดียว และไข่เจียว ที่สั่งมาทานคู่กัน

 

พออิ่มท้อง ก็เดินทางไปยัง พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัด นครพนม (หลังเก่า) ซึ่งตอนที่เราลงรถ ลมพัดแรงจนรู้สึกเหมือนเดินอยู่ชายทะเลจริงๆ ความน่าสนใจของ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าหลังเก่า นอกจากจะเป็นสถานที่รวบรวมประวัติของผู้ว่าราชการจังหวัดพนมแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าประทับใจ ที่ทำให้เรารู้สึกตื้นตันที่ได้มาเยือน นครพนม 
 

เรามีโอกาสได้ฟังเรื่องราวในอดีต เมื่อครั้งที่ ในหลวงและพระราชินี เคยเสด็จและเคยประทับแรมในห้องๆ นี้ ด้วยความที่ยังอยู่ในช่วงโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ บรรยายด้วยเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาคลอ ส่วนคนฟังอย่างเราก็น้ำจะไหล ด้วยความอาลัยพ่อหลวง


ทุกอย่างภายในห้อง ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี ทั้งข้าวของเครื่องใช้ โต๊ะ ตู้ เตียง 

ห้องนี้มีลมพัดผ่านเข้ามาทางประตู หน้าต่าง ผ้าม่านพลิ้วไหวไปตามลม ภายในห้องมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนารถ ยิ่งมองยิ่งคิดถึงพระองค์ท่าน
 

เดินชมห้องต่างๆ ก็มาสะดุดกับ รูปที่เราคุ้นเคยมาก เรียกว่าเป็นหนึ่งในภาพประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ ภาพนั้น คือ ภาพหญิงชราที่นำดอกบัวจบขึ้นเหนือหัว เพื่อถวายแด่พระเจ้าอยู่หัว ภาพที่ในหลวงทรงโน้มพระวรกายลงมา จนเกือบติดศีรษะหญิงชรา ช่างเป็นภาพที่ตราตรึงใจคนไทยมานานกว่า 60 ปี

 

เราเพิ่งรู้ว่า เรื่องราวต่างๆ ในวันนั้น มีจุดเริ่มต้นที่ จังหวัดนครพนมแห่งนี้ ยิ่งฟังเจ้าหน้าที่บรรยายก็ยิ่งตื่นเต้น และอยากจะรู้เรื่องราวของยายตุ้มมากขึ้น

เมื่อปี 2498 ในหลวงและพระราชินี ทรงเสด็จเยือนภาคอีสานเป็นครั้งแรก หลังจากการสักการะพระธาตุพนม ทั้งสองพระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรมที่ จวนผู้ว่าฯ แห่งนี้ ยายตุ้ม คือประชาชนที่รอรับเสด็จ ในมือถือดอกบัวสาย 3 ดอก นั่งตากแดดรอจนดอกบัวเหี่ยว เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นภาพดังกล่าว ทรงหยุดทักทายยายตุ้มอย่างใกล้ชิด ภาพนี้ถ่ายโดย ช่างภาพส่วนพระองค์ และกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมา

 

หลังจากซึมซับบรรยากาศของ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าหลังเก่า กันแล้ว ก็เดินทางต่อไปร่วมงานไหลเรือไฟโบราณ บริเวณริมแม่น้ำโขง อันมี พญาศรีสัตตนาคราช เป็นแลนด์มาร์ค
แม้จะพลาดพิธีการไหลเรือไฟแบบเต็มรูปแบบ อย่างน้อยก็ได้ร่วมงานไหลเรือไฟโบราณประจำปีเกิด

ชาวบ้านต่างนำกระทงใบตองอันเล็กๆ ตัดผม ตัดเล็บใส่ลงไป เหมือนเป็นการลอยทุกข์ ลอยโศกไปกับสายน้ำ วางลงไปบนเรือโบราณตามราศีเกิด และใส่เงินทำบุญลงไปในบาตรเพื่อถวายวัด

 

ก่อนจะเริ่มไหลเรือไฟโบราณ ได้มีการประกอบพิธีพราหมณ์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัวด้วย พอได้ฤกษ์งามยามดี ก็ค่อยๆ ทยอยไหลเรือไฟโบราณลงสู่แม่น้ำ

ขากลับ เราแวะทานอาหารกันที่ร้านอาหาร เรือนริมน้ำ นครพนม กับเมนู หลนปู, ต้มยำปลาแม่น้ำ, ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม, ปลาผัดฉ่า ดีนะที่เราโทร.จองเอาไว้ เพราะระหว่างที่ทานอาหารกันอยู่ มีลูกค้าหลายคนเดินมาแล้วไม่มีที่นั่ง ก็เลยต้องกลับออกไปอย่างน่าเสียดาย
 

เราเดินทางกลับไปพักที่เดิม ณ โรงแรมเอ็มเจ เดอะมาเจสติก สกลนคร เพราะตั้งใจจะอยู่เที่ยวสกลนครต่ออีกสักวัน แล้วค่อยกลับ
 

อ่านรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่

รีวิว เที่ยวท่าแร่ สกลนคร http://www.edtguide.com/review/454330/tha-rae-sakon-nakhon


เยือนสกล ยลถิ่นผ้าคราม http://www.edtguide.com/review/454331/Pa-Khram






Information

OPEN

- ไม่พบข้อมูล

TEL

- ไม่พบข้อมูล

PRICE

- ไม่พบข้อมูล

ADDRESS

- ไม่พบข้อมูล

FACILITIES

- ไม่พบข้อมูล

CONTACT

- ไม่พบข้อมูล

SHARE

share

#hashtag

RELATED