ไปมาแล้ว เอกมัย gateway เอกมัย gateway ekamai

เอกมัย
ซอยที่คับคั่งไปด้วยความเจริญ ความบันเทิง แสงสี ทั้งกลางวันกลางคืน ย่อมไม่แปลกอะไร ถ้าจะมีร้านค้า แหล่งบันเทิง ผุดขึ้นมาตอบรับความต่อกระแสความนิยมของผู้บริโภค ในทุกยุค ทุกสมัย 

หากจะพูดถึงห้างสรรพสินค้า ในย่านนั้น เราอาจจะนึกถึงโรงหนังเมเจอร์ซึ่งรวมร้านอาหาร และ ช้อปปิ้งบ้างเล็กๆน้อยๆ หรือห่างกันไปอีกนิด ก็เป็นห้างบิ๊กซีที่เน้นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ถัดออกไปก็เป็น คอมมิวนิตี้มอลล์ ที่เยกว่า Park Lane เอกมัย

แต่ล่าสุดความสนใจของคนในย่านนี้ก็คงจะหันไปมองถนนอีกฝั่งหนึ่งกันบ้างแล้ว เพราะขณะนี้ มีห้างสรรพสินค้าใหม่ เกิดขึ้นมาแล้ว ภายใต้ชื่อ เกตเวย์ เอกมัย ห้างใหม่ที่ดึงเอาแนวคิดการรวมไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่น มาไว้ในที่เดียวกัน ณ จุดเดียว

เมื่อได้รับรู้ถึงข้อมูลดังกล่าวแล้ว ผมก็ไม่พลาดที่จะต้องไปเซอร์เวย์ ที่กิน ที่เที่ยว ที่ช้อปแห่งใหม่นี้ มาให้ทุกท่านได้รับทราบกันครับ
เกตเวย์ เอกมัย เป็นห้างสรรพสินค้าที่ รวมเอาร้านค้า ร้านอาหารที่มีในญี่ปุ่นมารวมไว้ในห้างเดียวให้คุณได้เลือกใช้บริการกันตามสะดวก ซึ่งพิเศษสุดๆ กับหลากหลายร้านที่เปิดเป็นครั้งแรกในเมืองไทย เป็นที่แรกเลยก็ว่าได้ อย่างเช่น Ebisu-an ร้านน้ำแข็งใสสไตล์ญี่ปุ่น ที่ราดด้วยน้ำหวานสีสวยและ topping หลากแบบ ไม่ว่าจะเป็นขนมหรือผลไม้ (อยู่ชั้น G)

หรือ Hinaya (ชั้น M) ร้านราเมนจากญี่ปุ่น ที่มียอดขายอันดับ 1 กว่า 30,000 ล้านเยนต่อปี และ 400 สาขามากที่สุดในญี่ปุ่น เลยทีเดียว
รวมไปถึงร้าน Super Drugstore ซูรูฮะ (Tsuruha) ซึ่งมีสาขามากกว่า 1,000 แห่งในญี่ปุ่น มีให้เลือกทั้งของใช้ และ เครื่องสำอางจากญี่ปุ่นมากมาย 

หลังจากไปสำรวจห้างมาแล้ว เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา พบว่านีคือการเปิดแบบ soft launch ซึ่งหมายความว่า การเปิดอย่างไม่เป็นทางการ ร้านส่วนใหญ่ที่เปิดจึงเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น หลากหลายชนิดมากกว่า ส่วนชั้นอื่นๆ อย่างประเภทชั้น IT หรือ แฟชั่นจึงยังไม่ค่อยจะเต็มพื้นที่มากนัก ซึ่งทางห้างแจ้งมาให้ทราบว่า วันที่ 28 กรกฎาคม 2555 นั้น ยังไม่ใช่งาน Grand Opening ครับผม แต่เป็นงานจับรางวัลกิจกรรม One Million Yen 

ส่วนงาน grand opening นั้นจะขึ้นในช่วงปลายปีครับผม (ยังไม่ระบุวัน)


ห้างสรรพสินค้า เกตเวย์ เอกมัย มีชั้นทั้งหมดดังต่อไปนี้
ชั้น B : Speciality เป็นชั้นของ Office Depot 
ชั้น G : ร้านอาหาร และ ซูเปอร์มาเก็ต และ Max Value 24 ชั่วโมง 
ชั้น M : เป็นจุดเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้า BTS และร้านอาหารญี่ปุ่นมากมาย
ชั้น 1 : รวมร้านเพื่อสุขภาพ และ ความงาม
ชั้น 2 : รวมร้านแฟชั่น เสื้อผ้า ต่างๆนาๆ
ชั้น 3 : รวมร้านไอทีต่างๆ น่าจะรวมไปถึงมือถือ อะไรต่างๆ ด้วย
ชั้น 4 : รวมร้านไอทีต่างๆ น่าจะรวมไปถึงมือถือ อะไรต่างๆ ด้วย (อีก 1 ชั้น)
ชั้น 5 : เป็น Edutainment รวมความสนุก และ ความรู้เอาไว้ ในชั้นนี้

ร้านอาหารแนะนำ ใน เกตเวย์ เอกมัย
หลายคนคงอยากจะรู้ว่า ห้างที่มีสไตล์การตกแต่งแบบญี่ปุ่นเข้มข้นแบบนี้ จะมีร้านอาหารอะไร ที่ ชวนตื่นตาตื่นใจ ด้วยความแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือนบ้าง ผมก็ขอแนะนำร้านอาหารดังต่อไปนี้ ให้ทุกท่านได้ลองไปชิมกันนะครับ


kourakuen ramen เกตเวย์ เอกมัย
ร้านราเมงอันดับหนึ่งจากญี่ปุ่น ที่มีสาขามากเป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากนักชิมในบ้านเราเป็นจำนวนมาก เพราะวันที่ไปรอเข้าคิวเพื่อกินนั้น ก็ได้คิวที่ 20 มาเลยทีเดียว (คนให้ความสนใจเยอะมาก) ส่วนเมนูที่ขึ้นในโบรชัวร์นั่นคือ ชูกะ โซบะ หรือ ราเมนแบบพื้นฐาน ราคาได้ใจครับ 99 บาทไม่ขาดไม่เกิน น้ำซุปอร่อยครับ ส่วนหมูก็ถือว่านุ่ม หมักได้รสชาติ 


Hinaya ฮินายะ เกตเวย์ เอกมัย
ร้านอาหารญี่ปุ่น กับจุดเด่นต้นตำรับไก่ไม่มีกระดูก ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่น จากเมือง มารุกาเมะ นั่นเอง ร้านนี้ยังไม่ได้ลองครับ แต่น่าสนใจ 



Tadaima ทาไดมะ เกตเวย์ เอกมัย
ร้านอาหารญี่ปุ่นราคาเดียว 88 บาทขาดตัว ซึ่งไม่ว่าจะเล็ก จะใหญ่ ก็ 88 บาท ไม่ว่าจะเป็น ปลาดิบ ข้าวปั้น ข้าวหน้าเนื้อ ข้าวหน้าแกงกะหรี่ ทุกอย่างราคาเดียว ไม่มีเซอร์วิสชาร์จ (แต่มี vat นะครับ) ส่วนเครื่องดื่ม ก็เป็นชาข้าวเติมได้ไม่อั้น ราคา แก้วละ 38 บาท และพิเศษสุดสำหรับช่วงเปิดตัวสาขาสอง สั่ง 3 อย่างฟรี 1 อย่าง คนก็เลยมาต่อคิวกันมากกว่าปกติ เรียกได้ว่าออกันเต็มหน้าร้านเลยทีเดียว 

Tadaima ทาไดมะ เกตเวย์ เอกมัย มีให้บริการอยู่ 2 ชั้น ชั้นล่าง มีที่นั่งเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ประมาณ 10 ที่นั่ง และ ที่นั่งแบบบาร์สตูประมาณ 6 ที่ หันหน้าเข้าหาผนัง ส่วนชั้นบนเป็นที่นั่งแบบโต๊ะ ประมาณ 30 ที่ กว้างกว่าชั้นล่าง ซึ่งต้องขึ้นบันไดไปนั่ง จึงอาจจะไม่สะดวก สำหรับลูกค้าผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงจะเห็นกลุ่มวัยรุ่นและครอบครัวพ่อแม่ลูกมากกว่า


Nagiya นากิยะ เกตเวย์ เอกมัย
ร้านปิ้งย่างที่มีสไตล์แบบญี่ปุ่นที่เราเคยเห็นกันอย่างชินตาในฉากหนัง ฉากละครในญี่ปุ่น ซึ่งจะเปิดให้ใช้บริการอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 23 กรกฏาคม 2555 จึงไม่ได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศ และ ความอร่อยมาบอกเล่าให้ฟังกันครับ แต่ดูแล้วน่าจะได้อารมณ์หลุดไปอยู่ในญี่ปุ่น มากกว่าร้านอื่นๆ 


EBISU-AN เกตเวย์ เอกมัย
ร้านน้ำแข็งใส สไตล์ญี่ปุ่น ที่คนต่อคิวกันกันมากมาย ณ ชั้น G ซึ่งมีที่นั่งประมาณ 15 ที่ ซึ่งที่นี่นับว่าเป็นสาขาแรก และสาขาเดียวในเมืองไทยเลยทีเดียว จึงได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก อ้อ สำหรับช่วงเปิดตัว ทางร้านลด 50% ถึงสิ้นเดือนนี้ (กรกฎาคม 2555)

ร้านค้าแนวไลฟ์สไตล์




ร้านซูรูฮะ tsuruha เกตเวย์ เอกมัย
ร้าน Drugstore ที่ขายสินค้าเพื่อสุขภาพ บรรยากาศเหมือนเข้าไปในญี่ปุ่นพอดู เพราะล้วนแต่เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น ที่ไม่คุ้นตาทั้งนั้น พร้อมกับเสียงต้อนรับจากพนักงานญี่ปุ่น “อิรัชชัยมาเสะ สวัสดีครับ” รวมทั้งท่าที อันขยันขันแข็ง ที่เป็นสไตล์ของคนญี่ปุ่น รวมทั้งเสียงเพลงอันเร่าร้อน ชวนรีบซื้อ รีบจ่าย รีบออกมา เสียจริงๆ

การเดินทาง ไปเกตเวย์ เอกมัย
สำหรับเอกมัยนั้น ปกติถนนเส้นนี้ ก็เรียกว่ารถติดเป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้นการเดินทางมาเที่ยวที่นี่ จึงควรจะวางแผนดีๆ เพื่อให้การมาเที่ยวนั้น ประหยัดเวลา และ สะดวกสบายครับ

การเดินทางโดย BTS
สำหรับท่านที่ชอบเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ แนะนำให้ใช้รถไฟฟ้า BTS ครับ สะดวกที่สุดแล้ว เพราะลงที่สถานีเอกมัย แล้วก็เดินมาเรื่อยๆ บนทางเชื่อมเข้าห้างได้เลย มีป้ายบอกชัดเจนครับ

การเดินทางโดยรถส่วนตัว
เข้าได้สองทางครับ นั่นคือเส้นสุขุมวิท เดินทางจากฝั่งบางนา มุ่งหน้าไปทางต้นสุขุมวิท ให้สังเกตุด้านซ้ายมือ จะมีป้ายบอกให้เข้าไปยังที่จอดรถของห้างครับ หรือ ถ้ามาจากทางพระราม 4 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 42 ซึ่งตรงนี้อาจจะติดหน่อย และเมื่อเข้าไปแล้ว ปกติจะมีให้เลือกเลี้ยวซ้าย หรือ ขวา เพื่อเข้าเส้นสุขุมวิท ให้พยายามชิดขวาไว้ครับ เพราะตรงนี้จะมีทางเข้าห้าง ให้สังเกตุว่าคำ in ให้ดีๆครับ เพราะมันเป็นใกล้ จนเกือบจะเป็นทางเดียวกันกับจุดรถออกของห้าง ซึ่งพอเลี้ยวขวาเข้าไปตามป้าย in ของห้างแล้ว จะมีทางให้เราเลี้ยวเข้าไปจอดรถที่ชั้น B ของห้าง ซึ่งเวลาที่ผมไปนั้นคือ 15.52 น. วันเสาร์ รถก็ยังพอมีที่จอดครับ ถือว่า ok อยู่ ซึ่งใกล้ๆ กันนั้น ก็มีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ครับ แบบเหมาจ่าย 20 บาทต่อวัน

สำหรับค่าจอดรถของห้างนั้น ตอนนี้ ถ้ามาเที่ยว 4 ชั่วโมงแรก ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ชั่วโมงที่ 5-6 นั้น คิดชั่วโมงละ 20 บาทครับ ถ้าอยากจะไปปั๊มบัตรจอดรถ ต้องไปบู้ทประชาสัมพันธ์ชั้น M ครับ
สรุป

โดยรวมแล้ว แม้ทางห้างจะบอกว่าเป็นห้างไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่น แต่ก็ยังมีร้านทั่วไป ที่ไม่ได้เป็นญี่ปุ่นอยู่มากพอสมควร จึงทำให้ความเป็นญี่ปุ่น กระจุกตัวอยู่บนชั้น M มากกว่า คงต้องรอสวนสนุก Molly Fantasy ที่จะเปิดบนชั้น 5 ซึ่งเขาบอกว่า จะเป็นสวนสนุกในร่ม ที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมาใน ญี่ปุ่น จีน และ มาเลยเซียเลยทีเดียว

แต่ยังไงก็ตาม ก็ถือว่า ที่นี่เป็นห้างแรก ที่รวมร้านสไตล์ญี่ปุ่นไว้มากที่สุด ในเมืองไทย ที่ควรจะมาเดินเพลินๆ สักครั้งนะครับ