ปลายฝนต้นหนาว เปลี่ยนจากนอนหาวอยู่บ้านไปดูทะเล (หมอก) กัน...
ทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน กับการเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง โดยจุดหมายปลายทางในครั้งนี้คือการได้ไปกางแขน ล้อสายหมอก หยอกสายฝน ที่ “เขาค้อ” จ. เพชรบูรณ์ แลนด์มาร์คที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย!
DAY 1 : ร้านอาหารเด็ดวิวทุ่งนา มันส์ฮาแอดเวนเจอร์ เผลอหลับที่พักฮอบบิทมีเปล
06.00 น. รถล้อหมุนออกเดินทาง เริ่มจากกรุงเทพฯ วิ่งเส้นถนนสระบุรี-หล่มสัก ไปทางถนนหมายเลข 2278 ระหว่างทางที่นั่งรถนั้นก็เพลิดเพลินไปกับการทอดสายตาชมวิวสองข้างทาง เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปซะหมด จากนั้นเราก็ได้พบกับพระองค์ใหญ่เด่นสง่าอยู่ไกลๆ ผ่านทุ่งสีเขียวและภูเขาสูงด้านหลัง จึงลองเข้าไปดูจึงรู้ว่าที่นี่คือ วัดถ้ำเขาปรางค์ ตั้งอยู่ อ. ชัยบาดาล จ. ลพบุรี ใครที่ไปเที่ยวเพชรบูรณ์ แล้วเดินทางถนนเส้นนี้จะเห็นวัดทางด้านซ้ายมือ
เข้าวัดอิ่มใจ ก็ไปหาอะไรอิ่มท้องกันต่อที่ ไผ่ซ่อนข้าว ร้านอาหารวิวทุ่งนาที่เห็นแล้วเป็นต้องสะดุดตากับตัวร้านและสะพานที่สร้างมาจากไม้ไผ่เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ซึ่งความพีคของที่นี่อยู่ตรง ‘โดม’ ที่นอกจากจะเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินเก๋ๆ แล้ว ลักษณะการออกแบบที่เห็นโค้งๆ นี้นั้นยังรับกับวิวช่วงพระอาทิตย์ตกยามเย็นพอดิบพอดีเป๊ะ
บรรยากาศภายในร้านเน้นโล่ง โปร่ง รับลมธรรมชาติ มีแปลงผักออแกนิคปลอดสารพิษเด็ดกันสดๆ เพื่อนำมาใช้ในการประกอบการทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็น สาระแหน่ ผักบุ้ง มะระ มะเขือ กระเพรา โหระพา ชะอม ต้นหอม ฯลฯ
เมนูส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นบ้านรสชาติเด็ดเฉพาะของทางร้านอย่าง ลาบปลาช่อนรสชาติจัดจ้าน 250 บาท , ทอดมันไข่ซ่อนข้าว ข้างในเป็นไข่เค็มประกบด้วยหมูหมัก ทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย 120 บาท , แกงคั่วหอยขม 120 บาท , ไก่เขย่า เป็นไก่บ้านหมักเครื่องเทศ ทานคู่น้ำจิ้มซีฟู้ด 150 บาท นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่ม และอาหารอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย
การเดินทางมายังร้านอาหารไผ่ซ่อนข้าว : ถนนสายหลักเส้น 21 เลยสี่แยกราหุลมาประมาณ 3 กิโลเมตร ร้านตั้งอยู่ซ้ายมือติดถนนสายหลักฝั่งขาเข้าเพรชบูรณ์
แผนที่ Google Maps : https://goo.gl/77WNyD
ที่ตั้ง : 165 ม. 11 ถ. หล่มสัก-เพรชบูรณ์ ต. หนองแจง อ. บึงสามพัน จ. เพรชบูรณ์
โทร. 064-282-9609
เวลาเปิด-ปิด : 10.00-23 .00 น
จากนั้นก็เดินทางมาต่อกันที่ ทุ่งกังหันลมเขาค้อ แลนด์มาร์คสุดฮิตที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงบ้านเพชรดำ ที่นี่เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าสะอาดโดยใช้พลังงานลม จากกังหันลมสีขาวขนาดใหญ่ จำนวน 24 ต้น ขนาดยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักมาชมทัศนียภาพความงามบนจุดเช็คอิน ระเบียงกังหัน พร้อมทั้งถ่ายภาพเก็บความประทับใจอันแสนสวยงามกลับไปเป็นที่ระลึก
บริเวณใกล้เคียงข้างๆ ยังมี ไร่สตรอเบอรี่ GB ที่เห็นแล้วไม่อยากจะเชื่อว่ามาแค่เพรชบูรณ์ก็ได้ฟิลลิ่งราวกับได้มาขึ้นเหนือขึ้นดอย พร้อมกิจกรรมสนุกๆ อย่างนั่งชิงช้าซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบแกว่งไปไกวมาด้วยตัวเองเพลินๆ ท่ามกลางวิวขุนเขาและแมกไม้ หรืออีกแบบจะเป็นชิงช้าชาวเขาที่จะมีคนมาหมุนให้ เห็นแว๊บแรกอาจจะนึกว่าเตี้ยๆ แค่นี้ชิลล์ๆ แต่พอขึ้นไปนั่งแค่นั้นแหละ กรี๊ดดดด (ราคา 50 บาท / คน / รอบ )
หากนั่งชิงช้ามันสูงไป จะมาลองเล่นกิจกรรมภาคพื้นดินอย่างรถล้อเลื่อน หรือ ฟอร์มูล่าม้ง โดยจุดสตาร์ทคือบนเนินเล็กๆ จากนั้นค่อยๆ ไถลงมา รถก็จะค่อยๆ วิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่บังคับให้ดีๆ เพราะในนาทีนี้ความมันส์ ความฮา จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!! (ราคา 50 บาท / คัน)
การเดินทางมายังทุ่งกังหันลมเขาค้อ : ทางหลวงหมายเลข 2196 (สี่แยกรื่นฤดี-แคมป์สน) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 14 จะมีป้ายบอกทาง จากนั้นวิ่งไปตามทางเนินเขาอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงทุ่งกังหันลม
แผนที่ Google Maps : https://goo.gl/TvnDoq
ที่ตั้ง : บ้านเพชรดำ ต. ทุ่งสมอ อ. เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 น. – 18.00 น.
ความสุขมักผ่านไปไว แต่ไม่เป็นไรเพราะที่ต่อไปยังรอเราอยู่...
หลังจากเที่ยวเล่นสนุกสนานก็เดินทางต่อไปยังที่พัก คีรีปุระ รีสอร์ท (Kiripura resort ) ตั้งอยู่ห่างจากทุ่งกังหันลมเขาค้อเพียงแค่ประมาณ 30 นาที ที่นี่เป็นที่พักเปิดใหม่สไตล์หมู่บ้านฮอบบิท บนเนื้อที่กว่า 27 ไร่ เมื่อย่างก้าวเข้าไปจะพบกับวิวสุดว้าวของภูเขา ธรรมชาติสีเขียวที่ทอดยาวสุดสายตาราวกับหลุดออกมาจากโลกแห่งจินตนาการ
จุดเด่นของห้องพักที่นี่นอกจากจะเป็นบ้านฮอบบิทแล้ว บริเวณด้านหน้ายังมีระเบียงส่วนตัว พร้อมเปลยื่นออกมาให้นอนเล่นรับลมชมวิวชนิดที่เพลิดเพลินจนลืมเวลาไปเลยล่ะ
มาต่อกันด้วยในส่วนด้านในห้องพัก เมื่อเข้าไปแล้วสัมผัสได้ทันทีถึงความอบอุ่นด้วยโทนไม้ ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะทีวี ตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ ฯลฯ และที่พีคสุดคือห้องน้ำมีห้องอบไอน้ำ (stream) ซึ่งไม่ค่อยเห็นที่ไหนมาก่อน บอกเลยว่างานนี้ฟินแน่นอนโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวจะเหมาะมากกก
บรรยากาศยามค่ำคืนนั่งล้อมวงแคมป์ปิ้งผิงไฟ ใครที่อยากทำเมนูปิ้งย่างสามารถซื้อวัตถุดิบเข้ามาทำทานกันเองได้เลย ส่วนเรื่องเตาที่พักเค้ามีให้ สบายหายห่วง
ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมานอนเต็นท์ที่นี่เค้าก็มีพื้นที่ให้เช่นกัน ซึ่งลานนี้สามารถกางเต็นท์ได้ถึง 100 หลัง มีห้องอาบน้ำและห้องน้ำรวมไว้ให้บริการ พร้อมที่นอน หมอน ผ้าห่ม ตกคนละ 300 บาท รวมอาหารเช้า ส่วนวันหยุดและวันหยุดนขัตฤกษ์ 500 บาท รวมอาหารเช้า
แผนที่ Google Maps : https://goo.gl/PbNgzW
ราคาที่พัก 2,900 - 5,900 บาท
ที่ตั้ง : 53 ม. 7 ต. แคมป์สน อ. เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์
โทร. 064-978-6563
DAY 2 : สัมผัสวิวหมอก ขอบอกว่าไม่ได้มีแค่ช่วงเช้า!!
07.00 น. จากที่พักเพียงแค่ประมาณ 400 กว่าเมตร สามารถเดินหรือนั่งรถไปยัง วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง เพื่อสักการะพระอุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ท่ามกลางธรรมชาติภูเขาสูงซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายสวยงาม
การเดินทางมายังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว : จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านจังหวัดสระบุรีแล้วตรงไป เมื่อถึงแยกวังชมภู ให้เลี้ยวขวาไปทางไร่กำนันจุล ตรงไปจนถึงทางเลี่ยงเมืองที่จะไปพิษณุโลก เลยปั๊มคาลเท็กซ์แล้วเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไป ผ่านแยกทับเบิก เมื่อถึง อบต.แคมป์สน เลี้ยวขวาตรงไปแล้วเลี้ยวขวาอีกครั้งจะถึงวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
แผนที่ Google Maps : https://goo.gl/4BvZrQ
ที่ตั้ง : 95 หมู่ 7 บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ 67280
โทร. 063-359-1554
เดินต่อมาทางด้านหลังวัดจะพบกับร้านอาหารและคาเฟ่วิวสุดว้าว The Piney Bistro Cafe ซึ่งมีมุมให้เลือกนั่งทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ตกแต่งในสไตล์ rustic contemporary เน้นความเรียบง่ายเข้ากับธรรมชาติ ที่นี่ให้บริการเมนูเลิศรสทั้งคาว-หวาน ไปจนถึงเครื่องดื่มต่างๆ ให้นั่งจิบฟินๆ ท่ามกลางเทือกเขาเพชรบูรณ์
อิ่มอาหารตากันไปแล้ว ก็มาอิ่มท้องกันต่อกับเมนูแนะนำจัดหนักจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น ข้าวขาหมูเยอรมัน 380 บาท , โรตีแกงเขียวหวานไก่ 150 บาท , ทาโก้หมู 150 บาท , สเต็คเนื้อริบอาย 380 บาท , สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า 120 บาท , สลัดผลไม้-เทมปุระ 250 บาท ปิดด้วยเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะ บลูฮาวาย 65 บาท , มอคค่าร้อน 75 บาท , ชาเหยือก 90 บาท ฯลฯ
แผนที่ Google Maps : https://goo.gl/8DG9Wn
ที่ตั้ง : 248 ม. 7 ต. แคมป์สน อ. เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์
โทร. 092 740 7939
วัน เวลาเปิด-ปิด : จ-ศ 08.00 - 17.00 / ส-อา และนักขัตฤกษ์ 08.00-18.00 น.
ปิดท้ายด้วยภาพบรรยากาศเขาค้อ ซึ่งหากใครอยากไปชมหมอกปุกปุยสีขาว แนะนำว่าไปช่วงฤดูฝนจะดีที่สุด ส่วนช่วงเวลาในการเห็นนั้นมีตั้งแต่ เช้า สาย บ่าย เย็น บางช่วงก็มีทั้งวันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
ปิดท้าย ท้ายสุด ใครที่ผ่านทางเส้นมวกเหล็ก-วังม่วง เส้นทางสาย 2089 จ. สระบุรี อย่าลืมแวะชมความงามสองข้างทางของอุโมงค์ต้นไม้ @แสลงพัน วังม่วง ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่ก็สร้างความประทับใจให้ไม่น้อยเลยล่ะ...
ไว้เจอกันใหม่น๊า บ๊ายบาย
