ทริปใกล้กรุงของพวกเรา เริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว รอบนี้มีเวลาน้อย ก็เลยแวะไปเที่ยวอัมพวาหลังจากที่ไม่ได้ไปซะนาน พวกเราไม่ได้ไปอัมพวาอย่างเดียว แต่พ่วงคลองโคนเข้าไปด้วย ไปเที่ยวธรรมชาติป่าชายเลนไปดูวิถีชีวิตชาวประมง คืนแรกพักกันที่ผู้ใหญ่ชงโฮมสเตย์ คลองโคน แล้วไปพักต่อที่ Lazy River House อัมพวา อีก 1 คืน
วางแผนเที่ยวรอบนี้เรามีตัวช่วยดีๆ อย่าง แอพพลิเคชั่น TripPointz ที่ช่วยคนมีเวลาน้อยอย่างพวกเรา วางแผนเที่ยวง่ายขึ้น ถ้าเพื่อนๆ อยากมีตัวช่วยดีๆ ก็ลองคลิกเข้าไปอ่านที่ Facebook ของ TripPointz ได้เลย ง่าย สนุก ทุกเรื่องเที่ยว จริงๆ
อัมพวาเคยไปมาบ้างแล้ว แต่คลองโคนเพิ่งจะแวะมาเป็นครั้งแรก เราไปรับรถเช่า AVIS รถเช่าคู่ใจที่สนามบินดอนเมือง ออกจากกรุงเทพฯ ตอนเช้า แวะรับเพื่อนที่พระราม 3 ไปถึงศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน ผู้ใหญ่ชงโฮมสเตย์ ตอนสายๆ
กิจกรรมของที่นี่ คือ การเช่าเรือออกไปเที่ยวชมธรรมชาติป่าชายเลน คุณลุงคนขับเรือบอกว่า ส่วนใหญ่จะพานักท่องเที่ยวชมวิถีชาวประมง
ออกเรือไปดูเค้าเก็บหอยแครงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหอยแครงถึงค่อนข้างแพง กว่าเค้าจะเก็บขึ้นมาได้ทีละตัวนั้นไม่ง่ายเลย สิ่งที่ชาวประมงจับขึ้นมาได้ นอกจากหอยแครงก็มีหอยตลับและเจ้าแมงดาทะเล
ช่วงกลางวันแบบนี้ น้ำลดเหลือแค่เข่า นอกจากเราจะออกเรือมาดูชาวประมงเก็บหอยแครงแล้ว ก็จะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเล่นสนุกๆ นั่นก็คือ เล่นสกีกระดานเลนและกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ถ้าใครพร้อมเลอะก็ใส่ชุดเตรียมพร้อมกันตั้งแต่ก่อนลงเรือ ถ้าจะให้ดี ต้องมาถึงที่นี่ประมาณ 10 โมงเช้า ไปฟังพี่เค้าเล่าถึงที่มาของกิจกรรมป่าชายเลน จากนั้นก็ออกเรือไปกลางทะเล ใช้เวลาไม่นานแป๊บเดียวก็ถึง
ก่อนลงเรือคนขับเรือจะเตรียมกล้วยน้ำว้าให้เราหนึ่งถุง เอาไว้ไปแจกน้องลิงแสมที่ป่าชายเลน
ตอนที่น้องลิงวิ่งมาหา แอบกลัวนิดหน่อย เพราะมาพร้อมกันทั้งฝูง เราเลยต้องรีบโยนกล้วยในมือออกไปให้ไกลตัว เพราะกลัวน้องลิงจะกระโดดขึ้นมาบนเรือ แต่จะว่าไปลิงที่นี่ไม่น่ากลัวนะถ้าเทียบกับที่อื่น อาจจะเป็นเพราะมีคนแวะเวียนมาบ่อยๆ เค้าคงรู้ว่าถ้าเรือโฉบมานั่นแสดงว่าจะเค้าได้รับอาหาร รู้สึกว่าปริมาณกล้วยกับจำนวนลิงช่างแตกต่างกันเหลือเกิน กล้วยในมือหมดไวเหลือเกิน น้องลิงส่งสายตาเว้าวอนซะเรารู้สึกผิดเลย
ไปนั่งเรือชมธรรมชาติป่าชายเลนสักพักก็กลับขึ้นฝั่ง ช่วงเวลานั้นก็ใกล้เที่ยงพอดี ทางโฮมสเตย์ จะเตรียมอาหารเซ็ตไว้ให้ เมนูอาหารส่วนใหญ่ก็เป็นวัตถุดิบจากท้องถิ่นอย่าง ปลาทูทอดราดน้ำปลา, ยำใบชะครามกุ้งสด, ต้มยำกุ้ง และข้าวผัดกุ้ง
ระหว่างที่กำลังสองจิตสองใจว่าจะให้ชาวบ้านพาไปดูหิ่งห้อยหรือขับรถไปตลาดน้ำอัมพวาดี สุดท้ายก็ตกลงกันว่า ขับรถไปตลาดน้ำอัมพวาดีกว่า เพราะใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง เก็บของเข้าที่พัก แล้วก็ออกไปเที่ยวกัน
หลังจากที่ไม่ได้แวะมาซะนาน ตลาดน้ำอัมพวาก็ยังคึกคัก คนแน่น ร้านก็เยอะเหมือนเดิม มาเย็นๆ แบบนี้ คนที่มาวันเดย์ทริปก็ทยอยเตรียมตัวกลับ แต่เรานอนค้างก็เลยเดินชิลล์แบบไม่ต้องรีบ แวะซื้อหมี่กรอบส้มซ่าเจ้าโปรด แวะกินข้าวกันนิดหน่อยก็ขับรถกลับไปพักที่ผู้ใหญ่ชงโฮมสเตย์
บรรยากาศตอนกลางคืนที่คลองโคนจะว่าเงียบก็เงียบนะ แต่จะมีเสียงเรือจากชาวประมงแล่นมาเป็นระยะ ถ้าตอนดึกๆ อยากออกมานั่งชิลล์ถ่ายภาพดาวที่นี่ก็มีวิวดีๆ แบบนี้เหมือนกัน
ตื่นตอนเช้า นั่งกินข้าวต้มริมน้ำ นั่งมองเรือที่แล่นผ่านไปมา ลมพัดเย็นสบายแบบนี้พวกเราไม่อยากกลับกันเลย แต่มีวันหยุดกับเค้าทั้งทีต้องใช้ให้คุ้ม...ไปเที่ยวต่อกันดีกว่า
ถ้าใครสนใจอยากเที่ยว ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน & ผู้ใหญ่ชงค์โฮมสเตย์ ดูรายละเอียดได้ที่ลิ้งค์นี้เลยจ้า มีทั้งเที่ยวแบบ One Day Trip และพักค้างคืน : goo.gl/evaUuS
นั่งเล่นสักพัก ขับรถออกไปดูชาวบ้านทำกะปิคลองโคนซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน เค้าบอกว่า กะปิคลองโคนทำจากเคยตัวเล็กๆ เล็กมาก ตัวขาวๆ ใสๆ คล้ายกุ้ง ตอนอยู่ในน้ำตัวจะใสๆ แทบมองไม่เห็น มาถึงถิ่นทั้งทีก็เลยซื้อกะปิกลับไปฝากแม่ 2 กระปุก เอากลับไปทำกับข้าว ทำกะปิหวาน ช่วงนี้มะม่วงเยอะพอดี
ตอนขับรถเข้ามาที่คลองโคนเห็นร้านกาแฟเก๋ๆ เราเลยแวะไปที่ร้าน Coffee Best ที่อยู่ใกล้ๆ ปากซอย ร้านนี้เค้าแต่งร้านสวย ออกโทนสีม่วงๆ มีทั้งชา กาแฟ เค้ก ขนมปังโฮมเมด เมนูอาหารก็จัดเต็มเหมือนกัน แต่กินข้าวต้มมาแล้ว ก็เลยได้แค่ซื้อ ชา กาแฟไปกินบนรถ
Coffee Best
ที่อยู่ : 45/45 ม.6 ต.คลองโคน อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม
เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 20.00 น. (หยุดทุกวันพุธ สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน)
โทรศัพท์ : 06 2871 1295
ใกล้ๆ กันมีร้านขายของฝาก ถ้าจะซื้อของฝากคลองโคนที่นี่มีครบเลย
จากคลองโคน ก็ขับรถต่อมุ่งหน้าไปอัมพวา ก่อนเข้าที่พักแวะกินข้าวกลางวันกันที่ร้าน PAVA
ร้านนี้เค้าเสิร์ฟอาหารอิตาเลียนและอาหารไทยฟิวชั่น เมนูแนะนำคือ หมี่กระเฉดน่องเป็ดกรอบ, พิซซ่าฮาวาเอี้ยนและซีฟู้ด, สลัดเห็ดพอร์ทโตเบโล, สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า, ฮันนี่โทสต์ผลไม้รวม ถ้าชอบน้ำผลไม้ลองสั่งม็อกเทล บลูเบอร์รี่โมจิโต้ ดื่มแล้วสดชื่น เข้ากับหน้าร้อนแบบนี้จริงๆ
นอกจากเมนูอาหารจะน่าทานแล้ว ยังมีมุมถ่ายรูปฮิพฮิพด้วยนะ ตอนที่เราแวะไปก็เห็นสาวๆ โต๊ะอื่น เดินถ่ายรูปมุมโน้นมุมนี้กันสนุกเชียว...
Pava
ที่อยู่ : 115 ถ.สมุทรสงคราม-บางแพ ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
เปิดทุกวัน : 10.00-24.00 น.
โทร. 094 497 7794
Facebook : Pava
ก่อนเข้าบ้านพัก Lazy River House แวะซื้อของกินกันนิดหน่อย พวกขนม ลูกอม นมกล่อง และที่ขาดไม่ได้ก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ระหว่างที่เลือกของอยู่ก็ไปสะดุดตากับ นิสชิน คัพนูดเดิล รสใหม่ รสทะเลเผานํ้าจิ้มซีฟูด รสอื่นเคยกินมาหมดแล้ว รอบนี้เลยซื้อรสใหม่ติดมือกลับมาด้วย เผื่อใครจะหิวตอนดึกๆ
ความตั้งใจของการมาเที่ยวในครั้งนี้ คือ อยากมาพักผ่อนแบบจริงๆ จังๆ แบบไม่ต้องออกไปไหน อยากนอนอ่านหนังสือ อยากพักสมองจากการทำงาน เราเลือก Lazy River House เพราะใครๆ ก็บอกว่า บ้านหลังนี้มีเสน่ห์ ถ้ามาแล้วจะไม่อยากกลับ เดี๋ยวไปพิสูจน์กันว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า
เหตุผลที่เราเลือกที่นี่ เพราะชอบความเป็นส่วนตัว ชอบที่มีลมพัดเย็นๆ ชอบวิวพระอาทิตย์ตก ชอบโต๊ะไม้ตัวใหญ่ริมน้ำที่เราจะนอนเล่นตอนไหนก็ได้ และที่สำคัญที่นี่จะมองเห็นโค้งน้ำ ยามพระอาทิตย์ตก ขอบอกว่าสวยมากกกก
มาถึงปุ๊บก็รู้สึกเหมือนเป็นบ้านของเราเอง พอเปิดประตูเข้าไปชั้นล่างก็จะมีมุมอ่านหนังสือ เจ้าของบ้านจะเปิดเพลงบรรเลงเพราะๆ เอาไว้ให้ เดินสำรวจห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เลือกไม่ถูกเลยว่าจะนอนห้องไหนกันดี
บ้านทั้งหลัง แม้จะพักได้ 14 คน แต่ถ้าเรามากัน 2-3 คน เค้าก็จะปิดบ้านให้เราพัก ไม่รับลูกค้ากลุ่มอื่น ส่วนราคาก็ลดหลั่นลงไปตามจำนวนคนพักและวันเวลาที่เข้าพัก ห้องพักที่นี่มี 3 ห้อง (น่านอนทุกห้อง) แบ่งเป็นห้องที่พักได้ 3 คน 4 คน และ 7 คน แต่เป็นเพราะมากันสามคนก็เลยไปนอนรวมกันที่ห้องสีชมพูหวานแหววด้านบน
รายละเอียดราคาและวันว่าง จะบอกไว้ในเว็บไซต์ http://www.lazyriverhouse.com/rate แต่ถ้าจะให้ดี โทร.สอบถามโดยตรงที่คุณฌานุก็ได้ 081-837-5253 เจ้าของบ้านพร้อมรับสายและให้คำแนะนำตลอดเวลา
การมาพักที่นี่ มีกติกานิดหน่อย ต้องนำผ้าเช็ดตัวมาเอง และต้องเช็คอิน หลังบ่าย 2 โมง คืนบ้านพักก่อนเที่ยงของวันถัดไป หลังจากนั้นก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัยแบบไม่มีใครมากวน
และนี่คือไฮไลท์ที่เรารอคอย วิวพระอาทิตย์ตกและโค้งน้ำที่มองไปจนสุดสายตา
ถ้าใครอยากจัดปาร์ตี้เล็กๆ หรืออยากกินกุ้งเผา ก็แค่ซื้อถ่านกับกุ้งแม่น้ำติดมือเข้ามา เตาและอุปกรณ์ปิ้งย่างทุกอย่างพร้อม แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยาก ก็สั่งอาหารจากครัวแม่อุไร ที่อยู่ใกล้ๆ กัน เมนูอาหารก็น่ากินอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ
ส่วนใหญ่คนที่มาพักก็จะนอนรับลมกันอยู่ตรงนี้ ทั้งตอนบ่าย ตอนหัวค่ำ และตอนเช้า หรือจะนอนมองดาว ดึกแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า น้องเราชอบถ่ายรูปดาว ก็เลยได้ภาพสวยๆ แบบนี้
ระหว่างที่ตื่นมาสูดอากาศตอนเช้า มีคนพายเรือมาตกกุ้งหน้าบ้าน นั่งดูอยู่ตั้งนานกว่าจะตกกุ้งได้ทีละตัว มาทริปนี้เราเลยรู้ซึ้งว่า กว่าเค้าจะจับหอยแครง กว่าเค้าจะตกกุ้งได้ทีละตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อาหารเช้าของที่นี่ จะมีข้าวต้มกับผลไม้เตรียมไว้ให้ กินข้าวเสร็จก็นั่งๆ นอนๆ ให้เข้ากับชื่อ Lazy ที่แปลว่าขี้เกียจ มาครั้งนี้เราได้พักกันเต็มที่หลังจากทำงานลากยาวกันมาหลายเดือน
“เวลาของการพักผ่อนมักจะผ่านไปไวเสมอ เผลอแป๊บเดียว ใกล้เที่ยงอีกแล้ว ก็เลยเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนในครัว กินนิสชิน คัพนูดเดิล"
นิสชิน คัพนูดเดิล รสใหม่ รสทะเลเผานํ้าจิ้มซีฟูด แค่คำแรกก็สัมผัสได้ถึงรสชาติความแซ่บ เปรี้ยวๆ เผ็ดๆ ได้รสชาติพริกเขียวเน้นๆ ถ้าใครชอบแซ่บๆ ของน้ำจิ้มซีฟูด ต้องไม่พลาดรสนี้! บอกเลยว่ากินครั้งแรกก็ติดใจ แซ่บจริง อะไรจริง! ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ว่านิสชินมีรสอะไรบ้าง ก็คลิกเข้าไปดูกันได้ที่ Nissin Thailand ได้เลย
แม้จะอิดออดกันนิดหน่อย แต่ถึงเวลาก็ต้องกลับ พอกินเสร็จเก็บของ...ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ ที่หมายต่อไป เป็นที่สุดท้ายของทริปนี้ พวกเราจะแวะไปที่กับ The Buffalo Amphawa
เราอ่านเจอโดยบังเอิญว่ามีคาเฟ่เปิดใหม่ ก็เลยแวะไปทักทาย กะทิ กับ กะลา น้องควายแคระที่ The Buffalo Cafe ร้านสุดเก๋ที่ซ่อนตัวหลังโรงเลื่อยจักรประสาร พอเข้าไปจะพบกับคาเฟ่ ร้านอาหาร และโรงแรมที่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่เปิดให้บริการแบบ Soft Opening แล้วทุกโซน
The Buffalo Amphawa อยู่บริเวณเขตติดต่อระหว่างอัมพวาและแม่กลอง ห่างจากตลาดน้ำอัมพวาไม่ถึง 5 กม. รอบนี้เราแวะไปที่คาเฟ่ ไปกินเค้ก ไปจิบกาแฟ ไปเสพบรรยากาศสวยๆ มุมนี้ไม่เหมือนใคร จะนั่งจะนอนก็แล้วแต่สไตล์
ขอชื่นชมในดีไซน์การตกแต่งที่โดดเด่น ถ้ามองดีๆ จะเห็นว่า โต๊ะ เก้าอี้ และโครงสร้างหลักๆ ของที่นี่ จะเป็นการร้อยเรียงไม้ไผ่เส้นเล็กๆ ผ่านการดีไซน์เฉพาะตัว ผสมผสานงาน Craft ได้อย่างลงตัว แต่ละจุดมีโลโก้น่ารักๆ ของ The Buffalo และมีของที่ระลึกให้ซื้อติดมือกลับบ้านด้วย ทั้งตุ๊กตาและถ้วยกาแฟ
โซนคาเฟ่ จะมีเครื่องดื่มและเค้ก ถ้าสั่ง ลาเต้ร้อน ก็จะได้กาแฟลายน้องควายน่ารักๆ แบบนี้
Chocolate Fudge ทานคู่กับชาไทยก็อร่อยเข้ากันดี
ชามะนาว ก็ดับร้อนได้ดี
นอกจากกาแฟลาเต้อาร์ตจะน่ารักๆ บาริสต้าก็น่าจะโดนใจสาวๆ ><
ถ้ามีโอกาสแวะไปก็อย่าลืมแวะไปทักทาย เจ้ากะทิกับกะลา ด้วยน้า น้องควายน้อยเจ้าบ้านรอต้อนรับลูกค้าอยู่ทุกวัน
ดูคลิปรีวิว ร้าน The Buffalo Cafe ได้ที่นี่เลยจ้า goo.gl/QXXAKJ
The Buffalo Cafe
อยู่ภายใน The Buffalo Amphawa ด้านหลังโรงเลื่อยจักรประสาร
125/70 ถ.สมุทรสงคราม-บางแพ ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
เปิดทุกวัน 08.00-18.00 น.
โทร. 0 34120 333, 09 2248 5333
Facebook : The Buffalo Amphawa
พิกัด GPS : goo.gl/dMZpjw
ทริปอัมพวา-คลองโคน ของเรานอกจากได้เที่ยว ได้พักสมอง ก็ยังได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ รวมถึงได้แวะคาเฟ่ใหม่ อย่าง The Buffalo Cafe ด้วย ถ้าอยากขับรถเที่ยวชิลล์ๆ แบบเรา ก็อย่าลืมหาวันว่างกันนะจ๊ะ ทำงานเยอะๆ เดี๋ยวจะเครียด หาเพื่อนร่วมทริปแล้วลุยกันเลย ไม่มีรถส่วนตัวก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีรถเช่าดีๆ อย่าง AVIS Thailand ที่พร้อมพาเราเที่ยว และยังมี นิสชิน คัพนูดเดิล เพื่อนใหม่ที่พกพาไปกับเราได้ทุกที่ ไม่ว่าจะทริปใกล้ไกล ก็ไปด้วยกันได้เสมอ...ทริปหน้าเราจะไปเที่ยวที่ไหน เดี๋ยวค่อยว่ากัน เน๊อะ...