Banner Placeholder
Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4

LADY BACKPACKER คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน IN CHIANG RAI ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปเที่ยวได้

LADY BACKPACKER คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน IN CHIANG RAI ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปเที่ยวได้


“Winter is coming” วลีดังจากซีรี่ย์ยอดฮิตทางฝั่งยุโรป บ่งบอกว่าฤดูหนาวใกล้มาเยือนแล้ว เตรียมตัวเที่ยวภาคเหนือกันได้จ้า (ในซีรี่ย์ไม่ได้หมายความอย่างนี้นะ อิอิ) ลองดูรีวิวเที่ยวเชียงรายนี้เป็นแนวทางก่อนก็ได้นะ น่าตามรอยสุดๆ จากคุณ คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน สมาชิกพันทิปดอทคอม ไปดูกันเลย

... ครั้งแรก ณ เชียงราย ...

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวบลูพลาเน็ต วันนี้ “คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน” กลับมาอีกครั้ง หลังจากหายหน้าไปจากการทำรีวิวพักใหญ่ จะอะไรซะอีกล่ะคะคุณผู้ชม ... ก็งานยุ่งไง 555+ ถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีเงินไปเที่ยว เพราะฉะนั้นจึงต้องสละเวลาให้ความสำคัญกับมันบ้างเนอะ

รีวิวชุดนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวจังหวัดเชียงราย เน้นเที่ยวรอบๆ ตัวเมือง และบนดอยตุง ซึ่งตลอดการเดินทางจะใช้รถสาธารณะและรถรับจ้างเหมาเที่ยวกัน เราทำรีวิวชุดนี้ออกมา วัตถุประสงค์หลักนอกจากจะแชร์ประสบการณ์การเดินทางแล้ว ก็หวังเผื่อไว้ว่าข้อมูลการเดินทางของเราจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ 

สถานที่ต่างๆ ในรีวิวที่เราและเพื่อนๆ จะพาไปเที่ยว ดังนี้
- วัดร่องขุ่น
- สิงห์ปาร์ค (ไร่บุญรอด)
- วัดห้วยปลากั้ง
- ร้านชีวิตธรรมดา
- วัดพระสิงห์
- วัดพระแก้ว
- วัดพระธาตุดอยตุง
- ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ
- พระตำหนักดอยตุง
- สวนแม่ฟ้าหลวง
- หอนาฬิกาเมืองเชียงราย

ทริปนี้มีสมาชิกร่วมเดินทางรวมเราด้วย 5 คน ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน กับงบประมาณคนละไม่เกิน 5,000 รวมค่าใช้จ่ายทุกๆ อย่างเลยถ้าพร้อมแล้วตามมาเที่ยวด้วยกันนะคะ ...

พวกเรา 5 คน ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ สายกรุงเทพฯ-เชียงราย ขึ้นที่บริษัทรถถนนวิภาวดี ค่ารถคนละ 630 บาท รถออก 19.30 น. ตามกำหนดการจะถึงเชียงราย 08.30 น. แต่จริงๆ แล้วถึงก่อนเวลาเยอะเลยคือ 06.30 น. สรุปใช้เวลาวิ่งรถราว ๆ 11 ชั่วโมง

รถทัวร์จะไปจอดที่สถานีขนส่งแห่งใหม่ ซึ่งอยู่นอกตัวเมืองเชียงรายไปเล็กน้อย พอลงจากรถทัวร์จะมีรถสองแถวสีฟ้ามาถามว่าจะไปลง สถานีขนส่งแห่งเก่าที่อยู่ในเมืองมั๊ย คนละ 15 บาท พวกเราจึงตกลงขึ้นรถ เพราะที่พักของเราตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีขนส่งแห่งใหม่

พอมาถึงสถานีขนส่งแห่งใหม่ในตัวเมือง ถามทางคนแถวนั้นไปถนนสันป่าหนาด เดินจากสถานีขนส่งไม่ไกลราว 15 นาทีก็ถึงที่พักแล้วค่ะ 
บ้านรินลดา เกสท์เฮาส์ บ้านไม้สองชั้นสีขาวกลางเมืองเชียงราย ตั้งอยู่บนถนนสันป่าหนาด ซอย 2/1
ตรงนี้เป็นส่วนของเคาน์เตอร์เช็คอินและล๊อบบี้
อาคารนี้เป็นส่วนของห้องพัก มี 2 ชั้น
เราและเพื่อนจองไว้ 2 ห้องๆ ละ 700 บาท 
แต่ไปกัน 5 คน จึงต้องเสริมฟูกพิเศษหนึ่งห้อง คิดเพิ่ม 300 บาท
ภายในห้องพัก เราจองแบบเตียงคู่
ฟูกเสริมในห้องเดียวกัน ซึ่งพักกันสามคน
เก็บข้าวของเข้าที่ ก็ออกไปเที่ยวกันสิคะ รออะไรล่ะ 555+
เดินมาถามข้อมูลกับที่พัก ว่าถ้าจะไปเที่ยวรอบๆ เมืองโดยไม่มีรถส่วนตัวและไม่อยากเช่ารถขับกันเอง จะไปโดยวิธีไหนดีสุด คนดูแลที่พักเลยแนะนะรถแท็กซี่ให้ค่ะ รถแท็กซี่ที่เชียงรายสามารถเหมาเที่ยวในตัวเมือง หรืออำเภอรอบนอกได้ โดยคิดค่าบริการแบบรายวัน ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะไปและระยะทาง 

ขอเบอร์รถแท็กซี่จากที่พักมาโทรถามข้อมูล พวกเราบอกสถานที่ที่อยากจะไปรอบๆ เมืองเชียงราย ได้แก่ วัดร่องขุ่น, สิงห์ปาร์ค, วัดห้วยปลากั้ง, วัดพระแก้ว, วัดพระสิงห์ และร้านชีวิตธรรมดา คนขับแท็กซี่คิดราคาแบบเหมาจ่ายรวมน้ำมันเบ็ดเสร็จ คือ 1,500 บาท พวกเรามีกัน 5 คน ตกคนละ 300 บาท ถือว่าคุ้มอยู่ จึงตกลงให้รถมารับ รอกันประมาณ 15 นาที รถก็มารับไปเที่ยวแล้วค่ะ

ที่แรกที่พวกเรามาเที่ยวกันคือ “วัดร่องขุ่น” วัดชื่อดังของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน
เป็นวัดที่สวยมากในความรู้สึก เหมือนกับได้มาเที่ยววัดและชมผลงานศิลปะในคราวเดียวกัน
แถมวันที่ไปฟ้าโปร่งแดดแรง และคนก็มาเที่ยวเยอะ
สีขาวของวัดยามสะท้อนแดดจ้า มันช่างขาวสว่างแสบตามากๆ

ฝีมือวิจิตรบรรจง 
ยามสะท้อนผิวน้ำอันสงบนิ่ง ก็ดูสวยงามไปอีกแบบ
ที่ต่อมาคือ “สิงห์ ปาร์ค” หรือชื่อเดิมคือ “ไร่บุญรอด”
พวกเราเข้ามาเที่ยวบริเวณโซนด้านในของไร่กันก่อน ตรงนี้คือห้องอาหารภูภิรมย์ เดินมาเพียงถ่ายรูปเล่นบริเวณด้านหน้า ไม่ได้เข้าไปใช้บริการด้านใน

ตุงล้านนาหลากสีสัน ประดับไว้ดึงดูดสายตาบริเวณหน้าร้านอาหาร
เดินมาชมวิวไร่ชาอู่หลง บริเวณใกล้ๆ นั้น
เป็นไร่ชาที่ดูจะมีระบบการบริหารจัดการที่ดี
จากตรงนี้เห็นอาคารร้านอาหารอยู่ไม่ไกล

มุมนี้สวย เห็นไร่ชาเป็นรูปตัว S และยังมีม้านั่งไว้ให้ถ่ายรูปด้วย
ขอตั้งชื่อภาพนี้ว่า “โดดเดี่ยว แต่โดดเด่น” 
ทุ่งดอกคอสมอส
ตอนเดินไปถ่ายภาพ ลมแรงมาก ช่อดอกไม้เอนไหวตลอดเวลา เลยได้ภาพมาแบบเบลอๆ แหะๆ
สีสันสดใสจัง
มีกลุ่มนักปั่นจักรยาน ปั่นเข้ามาเที่ยวในไร่ด้วย
ถัดเลยจากทุ่งคอสมอสมาไม่ไกล จะเจอทุ่งปอเทือง
ปอเทืองสีเหลืองสด ตัดกับท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าจริงๆ
ไม่กล้าลุยเข้าไปถ่ายภาพในดงลึกๆ ได้แต่ยืนอยู่บริเวณรอบนอก แล้วซูมกล้องเข้าไปสุดกำลัง ได้มาแค่เนี้ย 555+

ออกมาที่บริเวณส่วนหน้าใกล้กับทางเข้าไร่
โซนนี้เป็นส่วนของร้านกาแฟและร้านขายสินค้าผลิตภัณฑ์ของทางไร่
แวะนั่งพัก ชิมเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟชิลๆ 
ของเราคือกาแฟลาเต้เย็นแก้วนี้แหละ เห็นหน้าตาธรรมดาแต่รสชาติอร่อยใช้ได้เลยค่ะ
นั่งอยู่ที่ร้านกาแฟ มองเห็นสิงห์ทองตัวใหญ่ แลนด์มาร์คของที่นี่
บริเวณรอบๆ ร้านกาแฟ มีสวนดอกไม้เล็กๆ ให้ถ่ายรูปด้วย
ลาเวนเดอร์
ดอกไม้มากมายหลากหลายสีสัน

นั่งเล่นจิบเครื่องดื่มเย็นๆ จนหายเหนื่อย ได้เวลาร่ำลาเจ้าสิงห์ทองตัวใหญ่ ไปเที่ยวที่อื่นต่อ
วัดห้วยปลากั้ง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองเชียงรายเช่นเดียวกับสิงห์ปาร์ค
มีเจดีย์เก้าชั้น ตั้งเด่นสง่าอยู่บนเนินเขาเล็กๆ มองเห็นได้จากที่ไกล
พวกเราได้แต่ยืนไหว้พระ และชมความงามของวัดแต่บริเวณด้านนอก ไม่ได้เข้าไปอาคารด้านใน
ช่วงบ่ายนั่งรถกลับเข้าตัวเมือง ให้รถแท็กซี่พามาแวะที่ร้านนี้ ... ชีวิตธรรมดา
เข้ามาภายในร้าน ตกแต่งได้น่ารักที่เดียว ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของชาวตะวันตก
อีกมุมจากในร้าน
โซนด้านนอกของร้าน แบบ Open Air มีที่นั่งให้เลือกหลายมุม
ร้านนี้อยู่ติดริมแม่น้ำกก
ไหนๆ ก็มาแล้ว เลยจัดเต็มกันทั้งเค้ก ฮันนี่โทส สลัด และเครื่องดื่มเย็น ๆ
ร้านนี้เอกลักษณ์เด่นคือ บ้านไม้สีขาวสไตล์สวีดิช (สวีเดน) และการตกแต่งสวนด้วยดอกไม้ต้นไม้บริเวณโดยรอบจนร่มครึ้ม ให้ความรู้สึกเย็นสบาย
ดอกไม้สวยๆ บริเวณร้าน
ขนาดด้านหน้าทางเข้าร้าน ต้นไม้ยังเยอะเลย 
ส่วนตัวร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟ ที่เราชื่นชอบในคอนเซปท์และบรรยากาศการตกแต่งร้านค่ะ
ช่วงเย็นมาแวะไหว้พระทำบุญกันที่ “วัดพระสิงห์” ในตัวเมืองเชียงราย
นี่คือพระอุโบสถของวัด
เข้าไปสักการะองค์พระประธานในโบสถ์กัน
“พระพุทธปฏิมา” พระประธานอุโบสถวัดพระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสำริดปิดทอง ศิลปะแบบล้านนา
บานประตูหลวง ทางเข้าออกพระอุโบสถ ทำจากไม้แกะสลักฝีมือวิจิตรบรรจง ของศิลปินเอกชื่อดังนาม “ถวัลย์ ดัชนี”
ข้างๆ กับพระอุโบสถ เป็นที่ตั้งของวิหารหลวง ซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ (พระสิงห์) จำลอง
พระพุทธสิหิงค์องค์จำลอง ศิลปะแบบเชียงแสน ประดิษฐานอยู่ในกู่แบบล้านนางดงามนัก
ลวดลายเหนือกู่เป็นลายนาคเกี้ยว อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของศิลปกรรมล้านนา
ออกจากวัดพระสิงห์ก็เย็นมากแล้ว แต่ยังพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง พวกเรามาแวะกันที่ “วัดพระแก้ว” อีกหนึ่งวัดงามที่หากใครมาเที่ยวเมืองเชียงรายแล้วไม่ควรพลาด 
มาที่พระอุโบสถที่อยู่บริเวณด้านหน้าวัดกันก่อน
“พระเจ้าล้านทอง” พระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย เป็นพระประธานในพระอุโบสถ
ถัดเข้ามาด้านในของวัดเป็นวิหารหลวง ประดิษฐาน “พระหยกเชียงราย” 
ในสมัยก่อนวัดนี้ยังเคยเป็นที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ซึ่งปัจจุบันถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
“พระหยกเชียงราย” หรือ “พระพุทธรตนากร นวุติวัสสานุสรณ์มงคล”
กว่ารถแท็กซี่ที่พวกเราเหมาเที่ยว จะมาส่งยังที่พักก็เกือบค่ำแล้ว 
เข้าห้องและพักผ่อนไม่นาน ก็ออกมาเดินเล่นถนนคนเดินและย่านไนท์บาร์ซ่า
เช้าวันต่อมา นัดกันตื่นแต่เช้ามืด เพราะมีแพลนจะขึ้นไปเที่ยวดอยตุงกัน 
จากที่พักของเราคือบ้านรินลดา เดินไปแค่สิบนาทีก็ถึงสถานีขนส่งเชียงรายแล้ว
พวกเราทันขึ้นรถเมล์สีเขียวสายเชียงราย – แม่สาย รอบหกโมงเช้า 
ค่าโดยสารจากเชียงรายไปลงตรงสี่แยกทางขึ้นดอยตุง คนละ 30 บาท ถ้านั่งไปลงสุดสายที่ อ.แม่สาย ราคา 39 บาท
รถเมล์ที่นั่งเป็นรถแบบหวานเย็น จอดตลอดทางทุกที่ๆ มีคนโบก 
จากตัวเมืองเชียงราย นั่งมาลงตรงสี่แยกปากทางขึ้นดอยตุงใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง

สำหรับคนที่จะขึ้นไปเที่ยวดอยตุงแบบไม่มีรถส่วนตัว สามารถหารถเช่าเหมาจากตรงสี่แยกดอยตุงนี้ ขึ้นไปเที่ยวด้านบนได้
ศาลาตรงนี้จะมีวินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง และรถสองแถวสีม่วงคอยให้บริการไปยังที่ต่างๆ ในย่านนี้ รวมทั้งเหมาขึ้นไปเที่ยวบนดอยตุงด้วย 

ถ้าใครมาถึงตรงนี้แล้วไม่เจอรถสองแถว ให้ลองถามพี่วินมอเตอร์ไซต์ พี่ๆ เค้าจะโทรตามรถมาให้
ป้ายราคาข้างศาลารอรถ เป็นราคาเช่าเหมาของวินมอเตอร์ไซต์ ไม่ใช่ของรถสองแถวนะ
ราคารถสองแถวสีม่วง ที่พวกเราเช่าเหมาเที่ยวดอยตุง คนขับคิดราคา 1,000 บาท 
พาไปเที่ยววัดพระธาตุดอยตุง , ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ , พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง ซึ่งสองที่หลังนี่ถือเป็นจุดเดียวกัน 

พวกเราไปกัน 5 คน หารแล้วตกคนละ 200 บาท ถือว่าคุ้มอยู่ค่ะ
เส้นทางขึ้นดอยตุง มีความสูงชันและคดเคี้ยวบ้าง แต่เราว่ายังน้อยกว่าทางขึ้นดอยสูงๆ แถบเชียงใหม่เยอะ
เจอวิวสวยๆ ระหว่างทาง พี่คนขับใจดี จอดรถให้ลงไปถ่ายรูปด้วย
จุดแรกที่รถสองแถวพามาเที่ยวคือ “วัดพระธาตุดอยตุง” 
สามารถนำรถขึ้นทางลาดยางไปถึงตัววัดด้านบนได้ แต่แค่ให้จอดรับ-ส่งผู้โดยสารชั่วคราวเท่านั้น 
แล้วต้องนำรถกลับลงมาจอดรอด้านล่างบริเวณนี้
หรือใครอยากเดินออกกำลังกายขึ้นลงตามทางเดินบันไดพญานาคก็ได้
ส่วนพวกเราเลือกที่จะให้รถขึ้นไปส่งด้านบน และขากลับขอเดินกลับลงมาทางบันไดพญานาค
พระอุโบสถวัดพระธาตุดอยตุง
จังหวะที่เราไป มีคณะทำบุญกลุ่มใหญ่มาร่วมแห่ผ้าห่มองค์พระธาตุ จึงถือโอกาสเก็บภาพมาด้วยซะเลย
มุมด้านข้างพระอุโบสถ
องค์พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ
วัดพระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของดอยตุง คือที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 2,000 เมตร

มีป้ายบอกห้ามสุภาพสตรีเข้าไปบริเวณประดิษฐานองค์พระธาตุ ซึ่งเป็นเรื่องปกติตามคติความเชื่อล้านนา
อีกฝั่งด้านข้างองค์พระธาตุ มีต้นตุงหลากสีสันแขวนเอาไว้
เดินไปซื้อตุงจากร้านขายดอกไม้ธูปเทียนบริเวณลานวัด มาอธิษฐานและนำตุงขึ้นแขวนไว้ ถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง
ของเราสีชมพูสดใสเลย
อีกสักภาพก่อนเดินกลับลงไปยังลานจอดรถด้านล่าง
ระหว่างทางจากลานวัดไปยังบันไดพญานาค มีระฆังแขวนเรียงรายไว้ตลอดสองข้างทาง ท่ามกลางป่าไผ่อันร่มรื่น
เป็นมุมที่สวยงามอีกหนึ่งมุมของวัดค่ะ
ที่ต่อมาคือ “ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ” 
ตั้งอยู่ในพื้นที่กองร้อยทหารม้าที่ 2 บนระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,485 เมตร
เป็นจุดชมวิวที่น่าสนใจอีกจุด และเป็นแนวเขตชายแดนไทย-เมียนมา
ถ้าโชคดีวันไหนมาแล้วเจอทะเลหมอกแบบเต็มๆ คงจะเป็นภาพที่สวยมาก
แนวกั้นเขตแดน
ตอนที่ไปก็พอมีหมอกให้เห็นบ้าง 
สุดเขตแดนไทย ฝั่งโน้นคือดินแดนประเทศเพื่อนบ้านพวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่ราวครึ่งชั่วโมง ก่อนกลับลงไปยังจุดสุดท้ายคือ พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง
วันที่ไปโชคดีมีกิจกรรมการแสดงของชาวเขาชนเผ่าต่างๆ บริเวณด้านหน้าทางเข้าสวนแม่ฟ้าหลวง 
มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันเยอะมาก 
พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง และหอแห่งแรงบันดาลใจ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น.
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.doitung.org
บัตรเข้าชมแบบรวม ราคา 150 บาท
สามารถเข้าชมพระตำหนักดอยตุง (ราคาปกติ 70 บาท), สวนแม่ฟ้าหลวง (ราคาปกติ 80 บาท) และหอแห่งแรงบันดาลใจ (ราคาปกติ 30 บาท) 

ราคาตามจริงหากซื้อแยกคือ 180 บาท ฉะนั้นแนะนำให้ซื้อแบบบัตรรวมจะประหยัดและสะดวกกว่าค่ะ
แผนที่จุดท่องเที่ยวบนดอยตุง
ต้นตุง บริเวณหน้าทางเข้าพระตำหนักดอยตุง อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของที่นี่
ระหว่างทางไปพระตำหนักดอยตุง
พระตำหนักดอยตุง ... บ้านของสมเด็จย่า
พระตำหนักดอยตุงเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2530 
ขณะนั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระชนมายุ 88 พรรษา 
และต่อมาพระองค์ทรงก่อตั้งโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้น 
เพื่อส่งเสริมการปลูกป่าฟื้นฟูและส่งเสริมอาชีพแก่ชาวเขาบนดอย 
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง

ภายในพระตำหนัก มีนิทรรศการและมัคคุเทศก์นำชมเป็นรอบๆ และห้ามถ่ายภาพ 
หลังจากเดินชมภายในพระตำหนักแล้ว จึงออกมาเก็บภาพด้านนอก
บริเวณรอบๆ พระตำหนัก มีสวนไม้ดอกนานาชนิด
สวยงามละลานตา 
พิชทูเนียสีหวานๆ
บนนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลพันกว่าเมตร อากาศเย็นทั้งปี จึงมีดอกไม้เมืองหนาวให้ชมตลอด
จากพระตำหนักฯ เดินไปชมดอกไม้กันต่อที่สวนแม่ฟ้าหลวง
แต่ขอพักทานข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารโครงการหลวง บริเวณด้านหน้าทางเข้าก่อน อาหารที่นี่สด อร่อยใช้ได้ค่ะ
ป้ายพระราชดำรัสของสมเด็จย่า ตั้งอยู่ด้านหน้าทางลงไปสวนแม่ฟ้าหลวง
แผนที่แสดงจุดที่น่าสนใจภายในสวนฯ
สวนแม่ฟ้าหลวง มีพื้นที่ประมาณ 25 ไร่ 
เดินลงมาจากทางเข้า จุดแรกจะเจอสระน้ำก่อน 
ดอกสร้อยระย้า
ที่นี่มีดอกไม้เยอะมากๆ ค่ะ มีมุมสวยๆ หลายมุมให้เก็บภาพจนเลือกไม่ถูก 
แดง – ม่วง
กล้วยไม้รองท้านารี
แปลงสวนดอกไม้ช่วงที่เราไปจะเน้นสีแดงๆ สดใสๆ
ร้านกาแฟในสวนก็น่านั่ง เป็นแบบ Open Air ได้สัมผัสบรรยากาศสวนภายนอกอย่างใกล้ชิด
ประติมากรรมรูปปั้นเด็กยืนต่อตัวโดดเด่นอยู่กลางสวน 
ได้รับพระราชทานชื่อจากสมเด็จย่าว่า “ความต่อเนื่อง” 
หมายถึง การจะทำงานอะไรก็ตามจะสำเร็จได้ต้องมีความต่อเนื่อง
ดอกไม้ที่นี่จะมีป้ายบอกชื่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ได้ความรู้ดี
และมีการตกแต่งสวนอย่างสวยงาม ผลัดเปลี่ยนสีสันแตกต่างกันทุกฤดูตลอดทั้งปี
เราเคยไปเที่ยวสวนดอกไม้เมืองหนาวมาหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์

แต่ละแห่งล้วนจัดสวนอย่างสวยงามและบรรยากาศดี และพอมาเที่ยวที่สวนแม่ฟ้าหลวง บอกเลยว่าสวนดอกไม้ที่นี่อลังการมากที่สุด
มีการประดับตุงตามต้นไม้ด้วย
แปลงดอกไม้ทุกแปลง ถูกออกแบบจัดวางรูปทรงของแปลงปลูก 
และให้มีการสลับเฉดสีของไม้ดอกไม้ประดับอย่างลงตัว
ได้เวลาเดินกลับออกไปแล้ว
อาคารบริเวณด้านหน้าทางเข้าพระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง มีธงนานาชาติประดับเรียงรายดูสวยงาม
เดินไปยังลานจอดรถด้านนอก เพื่อกลับลงไปด้านล่าง
ระหว่างทางมีจุดชมวิวสวยๆ คนขับรถสองแถวก็จอดให้ถ่ายรูป
ตอนกลับลงจากดอย รถสองแถวจะมาส่งเรา ณ จุดเดิมที่ขึ้นรถเมื่อเช้า 
จากนั้นก็ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เพื่อรอรถเมล์เขียวสายแม่สาย-เชียงราย เพื่อกลับเข้าเมือง
ส่งท้ายรีวิวทริปนี้ด้วยหอนาฬิกาในตัวเมืองเชียงราย ที่ในตอนค่ำจะมีการแสดงเปิดไฟประกอบเสียงเพลง 
การแสดงมีทุกวันๆ ละ 3 รอบเวลา คือ 19.00 น. / 20.00 น. / 21.00 น. หากมีเวลาและโอกาสก็แวะไปชมกันได้ค่ะ 
รีวิวชุดต่อไปจะพาไปเที่ยว “ภูลังกา” จังหวัดพะเยา พร้อมข้อมูลการเดินทางโดยรถประจำทางจากเชียงราย 
ห้ามพลาดนะคะ ... เร็วๆ นี้

ขอบคุณภาพและเรื่องราวโดย คุณ คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน สมาชิกพันทิปดอทคอม
 






Information

OPEN

- ไม่พบข้อมูล

TEL

- ไม่พบข้อมูล

PRICE

- ไม่พบข้อมูล

ADDRESS

- ไม่พบข้อมูล

FACILITIES

- ไม่พบข้อมูล

CONTACT

- ไม่พบข้อมูล

SHARE

share

#hashtag

RELATED