รีวิวฉบับนี้ “คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน” จะพาไปเที่ยวสถานที่ซึ่งมีบรรยากาศสวยและดีงาม ณ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ทริปนี้ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เดินทางแบบ Backpack กับเพื่อนสาวอีกหนึ่งคน เป็นการพาตัวเองไปพักผ่อนแบบจริงจัง เรียกได้ว่าแทบจะแช่ตัวเองอยู่แต่ในที่พัก มีออกไปเดินเล่นบริเวณรอบ ๆ บ้าง ได้ซึมซับอากาศดี ๆ กับความสวยงามรอบตัวอย่างเต็มที่
ดอกไม้
การเดินทางครั้งนี้ เราได้ค้นพบคำตอบให้กับตัวเอง เพียงชั่วโมงแรกเมื่อไปถึงที่นั่น ว่าที่พักสไตล์นี้แหละ ถูกกับจริตของนักเดินทางแบบเรามาก “อุ่นไอมาง ณ สปัน” ที่พักเล็ก ๆ ริมลำน้ำว้า
ปล. เป็นการรีวิวด้วยความชอบและประทับใจในสถานที่นั้น ๆ โดยแท้จริงค่ะ ไม่ใช่การมารีวิวแล้วแอบโฆษณาแฝงนะจ๊ะ โปรดใช้วิจารณาญานในการตามอ่านรีวิว 555+
เรากับเพื่อนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถทัวร์ของบริษัทสมบัติทัวร์ สายกรุงเทพฯ-ทุ่งช้างแต่ซื้อตั๋วมาลงที่ อ.ปัว เป็นรถแบบวีไอพี ราคา 606 บ.ออกจากศูนย์ที่วิภาวดี 19.30 น. ถึงหน้าตลาด อ.ปัว เช้ามืดวันต่อมา เวลา 05.30 น.รถวิ่งประมาณ 10 ชั่วโมง มีจอดแวะพักทานข้าวมื้อดึก ณ ร้านแม่สุรีย์ จ.พิษณุโลก 30 นาที
ก่อนขึ้นรถพนักงานดูแลบนรถ จะถามผู้โดยสารว่าจะลงปลายทางที่ไหน เพื่อคัดแยกกระเป๋าเก็บใต้ท้องรถ และเดินมาเตือนให้รู้ตัวล่วงหน้าก่อนถึงที่หมาย
(จากแผนที่) จุดจอดรถของสมบัติทัวร์ ตอนผ่าน อ.ปัว คือบริเวณสามแยกใกล้ตลาดสดปัว ริมถนนทางที่จะไป อ.ทุ่งช้าง
ลงจากรถ รับกระเป๋า ก็พากันเดินมาตั้งหลักหน้าเซเว่นฯ ใกล้ๆ กันฟ้าตอนนั้นยังมืดอยู่ เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว เห็นว่าแถวหน้าร้านไฟสว่างดี เลยมายืนตั้งหลักก่อน
จากหน้าเซเว่นฯ ข้ามถนนตรงสามแยก และเดินตรงไปราว 100 เมตร จะเจอปั๊ม ปตท. อยู่ริมถนนทางขวามือ ฝั่งทางซ้ายมือตรงข้ามปั๊ม คือคิวรถสองแถวไปบ่อเกลือและเข้าตัวเมืองน่าน
เรากับเพื่อนพากันเดินมาที่ปั๊ม เพื่อเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตากันที่นี่ พอเสร็จภารกิจ ก็มานั่งรอให้ฟ้าสว่างตรงม้านั่งหินอ่อน หน้าเซเว่นฯ อีกสาขาหนึ่งที่อยู่ภายในปั๊มอ่อ ปั๊มที่นี่เป็นปั๊มเล็กๆไม่ค่อยน่ากลัวนะคะ มีพนักงานผู้หญิงเยอะ และมีแม่ค้าแถวๆ นั้น เดินเข้าออกเพื่อมาใช้บริการห้องน้ำตลอด 55+
พอฟ้าสว่างราว 06.30 น. จึงพากันเดินข้ามถนน มานั่งรอรถสองแถวคิวแรกที่จะขึ้นไปบ่อเกลือถ้ามาถึงแล้ว รถสองแถวยังไม่มีมาจอด จุดสังเกตคือ หลังคิวรถจะเป็นสนามกีฬาตามรูปค่ะและหลังคามุงแฝกแนวยาว กับเต็นท์สีเขียวใกล้ๆ กันนั้น คือ ตลาดสดชั่วคราว
ราวๆ 7 โมงเช้า รถสองแถวจะมาจอดรอผู้โดยสารที่คิวรถรถสองแถว (สีกรมท่า) สายปัว-บ่อเกลือ มีป้ายเขียนไว้ข้างรถชัดเจนรอบเวลารถมีดังนี้ปัว-บ่อเกลือ เวลา 07.30 น. / 09.30 น. / 11.30 น. (รอบนี้ถ้าผู้โดยสารน้อยก็ไม่วิ่ง)บ่อเกลือ-ปัว เวลา 09.00 น. / 10.30 น. / 12.30 น. (รอบนี้ถ้าผู้โดยสารน้อยก็ไม่วิ่ง)
ถ้าใครจะใช้บริการรถสองแถวสายนี้ ควรเลือกเดินทางรอบเช้าๆ ดีกว่า คือมั่นใจได้ว่ารถจะวิ่งแน่ ๆค่าโดยสารจากปัว-บ่อเกลือ คนละ 80 บ.
จากปัว-บ่อเกลือ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 ประมาณ 40 กิโลเมตร
พวกเราได้ขึ้นรถเที่ยวแรก ออกตรงเวลาอยู่นะ คือ 07.30 น.บนรถตอนนั้น นอกจากเรากับเพื่อน ยังมีคนท้องถิ่นเป็นพ่อแม่ลูกกัน ร่วมทางไปด้วย
พ่อแม่ลูกลงหมู่บ้านระหว่างทาง ช่วงก่อนถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูคาจากนั้นบนรถก็เหลือเรากับเพื่อน และลุงคนขับ
ลุงคนขับเห็นว่าพวกเราเป็นนักท่องเที่ยว พอผ่านจุดชมวิวดอยภูคา ซึ่งอยู่บริเวณข้างทาง ช่วงเลยที่ทำการอุทยานฯ ดอยภูคามาแล้ว จึงจอดรถให้พวกเราแวะชมวิวกับถ่ายรูป ราว 5 นาที
จุดชมวิว ที่ระดับความสูง 1,715 เมตร
มองออกไปเบื้องหน้าไม่เห็นวิวอะไรเลย มีแต่หมอกขาวโพลนเข้าปกคลุมทั้งที่จุดชมวิวตรงนี้ จริง ๆ แล้วเบื้องหน้าในวันที่อากาศเปิด จะเห็นวิวผืนป่าและทิวเขาสลับซับซ้อน
กลับมาขึ้นรถ ซึ่งจอดชิดไหล่ทางริมถนนเห็นมีสายหมอกลอยผ่านเส้นทางระหว่างรถวิ่งเป็นระยะ ๆ
ยกกล้องขึ้นเก็บภาพจุดชมวิวเมื่อสักครู่ หลังจากขึ้นรถมาแล้ว
ระหว่างทาง มีการซ่อมแซมถนนด้วย คิดดูว่า ขนาดไซท์ก่อสร้างข้างทาง วิวยังสวยอ่ะ
แล้วก็มาถึงตัว อ.บ่อเกลือใช้เวลาวิ่งรถจาก อ.ปัว มาถึงที่นี่ราว ๆ 1.30 ชม.
ถ้าใครมาถึงตัว อ.บ่อเกลือ ระหว่างขับรถข้ามสะพานปูน แล้วมองลงไปฝั่งซ้ายของสะพานจะเห็นที่พักหนึ่ง เป็นเต็นท์สีขาวๆ ตั้งอยู่ริมลำน้ำมาง นั่นคือที่ตั้งเก่าของอุ่นไอมาง โฮมสเตย์ แต่ปัจจุบันที่พักนี้ได้เปลี่ยนมือเจ้าของและใช้ชื่อใหม่
ส่วนเจ้าของคนเดิม ก็ไปได้ทำเลใหม่ ในหมู่บ้านสะปัน ซึ่งอยู่ห่างจากที่เก่า ราว 8 กิโลเมตรแม้จะย้ายทำเลที่ตั้งใหม่ แต่ยังคงนำชื่อเดิมมาใช้ นั่นก็คือ “อุ่นไอมาง” มีเพิ่มเติมชื่อหมู่บ้านเข้าไป กลายเป็น “อุ่นไอมาง ณ สปัน” และพวกเรากำลังจะไปพักที่นั่น
จากป้ายนี้ ซึ่งอยู่ริมถนนหลังจากข้ามสะพานปูนมาแล้ว ทางไป “อุ่นไอมาง ณ สปัน” ให้ตามป้ายที่เขียนว่าไปอุทยานแห่งชาติขุนน่าน
พอเลี้ยวซ้ายตามป้ายมา จะเป็นทางหลวงหมายเลข 1081 เป็นเส้นเดียวกับทางไป อ.เฉลิมพระเกียรติจากในภาพ เป็นท่ารถในตัว อ.บ่อเกลือ ของรถสองแถวสายปัว-บ่อเกลือ
ที่บอกว่าค่ารถสองแถวจากปัว-บ่อเกลือคือ 80 บ. หมายความว่ามาลง ณ จุดนี้ที่คิวรถแต่ถ้าจะไปลงที่ “อุ่นไอมาง ณ สปัน” ซึ่งเลยขึ้นไปตามเส้นทางนี้อีกราว 8 กิโลเมตรต้องแจ้งคนขับล่วงหน้า และมีคิดราคาบวกเพิ่มค่าไปส่งยังที่พักอีก ซึ่งเป็นราคาเหมา คนละ 100 บาทสรุปรวมค่ารถขามาจาก อ.ปัว-อุ่นไอมาง ณ สปัน ตกคนละ 180 บ.
จากตัว อ.บ่อเกลือ ตามทางหลวงหมายเลข 1081 ผ่านอุทยานแห่งชาติขุนน่านไปไม่ไกล สังเกตทางขวามือจะมีทางแยกเข้าไป เส้นทางนี้เป็นพื้นที่ใน ต.ดงพญา
วิ่งรถเข้ามาราว 3 กิโลเมตร จะพบ “อุ่นไอมาง ณ สปัน” อยู่ริมถนนทางซ้ายมือหากเลยเข้าไปอีก จะเป็นหมู่บ้านสะปันและทางไปน้ำตกสะปัน
รถสองแถวที่พามาส่ง ก็ไม่รู้จักที่พักนี้ค่ะ จึงเกือบขับผ่านเลยไปแต่สุดท้ายก็ถามทางมาเรื่อย ๆ จนเจอ
ถึงแล้ว ... อุ่นไอมาง ณ สปัน ตั้งอยู่ในหมู่บ้านสะปัน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
แบกเป้ลงจากรถ นัดแนะลุงคนขับ ว่าให้เข้ามารับพรุ่งนี้เช้าตอน 08.30 น. เพื่อกลับลงไปที่ อ.ปัวที่จริงอยากกลับลงไปสายกว่านั้น แต่ลุงคนขับต้องวิ่งคิวรถขากลับบ่อเกลือ-ปัว รอบ 09.00 น. โดยลุงแกจะวิ่งมารับพวกเรายังที่พักก่อน แล้วค่อยไปรับคนที่คิวรถในตัว อ.บ่อเกลือ
เรือนไม้สองชั้นหลังนี้ คือล็อบบี้และที่ทานอาหารเช้าของอุ่นไอมางค่ะ
ขึ้นมาบนชั้นสองของเรือน
การจัดตกแต่งเครื่องเรือนเป็นแบบเรียบง่าย แต่สบายตา
วิวที่มองออกไปเบื้องหน้า คือลำธารน้อย ๆ
ลำธารที่ไหลผ่านที่พักนี้ คือ ลำน้ำว้า
มีสะพานไม้ข้ามไปอีกฝั่งของลำธาร เห็นบ้านหลังน้อยซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มไม้บ้านหลังนั้นก็เป็นหนึ่งในบ้านพักของที่นี่เช่นกัน
ด้วยพวกเรามาถึงที่พักเร็วเกินไป 555+ ราว ๆ 9 โมงครึ่ง บ้านพักที่จองไว้ แขกคนเก่ายังไม่เช็คเอาท์ พี่ที่ดูแลที่พัก จึงบอกให้พวกเรานั่งเล่นนอนเล่นบนเรือนรับรองไปก่อน
ที่พักจะมีมุมอาหารเช้าแบบบริการตัวเอง และมุมชากาแฟจัดไว้บนเรือนรับรอง เพื่อให้ผู้เข้าพักทาน แต่ผู้รอเข้าพักอย่างพวกเราก็สามารถทานได้เช่นกัน พี่ผู้หญิงที่ดูแลที่พักอัธยาศัยดีมาก ๆ ชวนคุยและแนะนำทุก ๆ อย่าง เป็นอีกสิ่งที่ประทับใจเมื่อมาพักที่นี่
มุมให้นั่งเล่นพักผ่อน ก็มีให้เลือกอยู่หลายมุม จะนั่งจะนอนก็เลือกได้เลยตามสบาย
การนั่งมองธรรมชาติและสายน้ำเบื้องหน้า ภายใต้การไม่มีสัญญานโทรศัพท์มาดึงดูดความสนใจมันทำให้เวลาเหมือนยิ่งหมุนช้าลง ได้อยู่กับตัวเอง ได้พักกายพักใจจริง ๆ
และยิ่งตอนนั้น บนเรือนพักมีเปิดเพลงเบา ๆ ฟังสบาย ๆ ทำให้เรารู้สึกดีและผ่อนคลายมากขึ้นบางทีเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงเสี้ยวเวลาชั่วครู่ ก็สร้างความประทับใจให้คนเราได้ไม่รู้ลืม
ได้เวลาลงมาเดินเล่นข้างล่างบ้างอ่อ ชั้นล่างของเรือนรับรองเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ แยกระหว่างชายกับหญิง
ที่นี่มีบ้านพักน้อยหลังค่ะ มีบ้านไม้เป็นหลังจำนวน 2 หลัง นอนได้หลังละ 4 คน ส่วนราคาไม่แน่ใจส่วนเต็นท์นอนสีขาว มีจำนวน 4 หลัง นอนได้หลังละ 2 คน ใครนำเต็นท์มาเอง ที่นี่มีลานกางเต็นท์ให้บริการด้วยราคาบ้านพัก สามารถสอบถามกับทางที่พักได้โดยตรงค่ะ
มีเก้าอี้สีขาวตัวน้อย จัดไว้ให้นั่งเล่นแนบชิดลำธาร
ฝั่งตรงข้ามมีเตียงหวายให้นอนเล่นเช่นกัน
ตัดสินใจเลือกที่จะข้ามไปนอนยังเตียงหวายมีสะพานไม้ให้เดินข้ามไปอีกฝั่ง
บ้านหลังนั้น เป็นเพียงหลังเดียวของอุ่นไอมาง ที่ตั้งอยู่อีกฟากของลำธารดูเป็นส่วนตัวและร่มรื่นจัง
สะพานไม้ไผ่ข้ามลำน้ำว้า
มีทำเป็นที่นั่งไว้กลางสะพานด้วย
ฟ้าสวย แดดดี ธรรมชาติงาม
สายน้ำว้า
ลำธารที่เป็นเหมือนต้นน้ำเช่นนี้ สะอาดใสมากค่ะ
เรากับเพื่อนนอนเล่นที่เตียงหวาย สลับกับการเอาเท้าแช่น้ำเล่นในลำธารอยู่เป็นชั่วโมงเพลินมาก ๆ
ราวบ่าย 2 โมง พี่คนดูแลที่พัก ก็แจ้งว่าจัดเต็นท์ใหม่ให้เรียบร้อยแล้วได้เวลาเข้าที่พัก อาบน้ำท่าสักที
เดินข้ามสะพานกลับมาอีกฝั่ง
นี่แหละเต็นท์นอนของเรา แนบชิดติดริมลำธารเลยค่ะ
เปิดเต็นท์เข้าไปก็เจอเตียงเลย
หัวเตียงด้านหนึ่งมีชั้นวางของและปลั๊กไฟให้ด้วยที่นี่มีไฟฟ้าให้ตลอด 24 ชั่วโมง และมีสัญญานโทรศัพท์เป็นบางจุด คือต้องเดินหาเอาน่ะ
เดินไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำรวมใต้เรือนรับรอง มีน้ำอุ่นให้ด้วยนะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปห้องน้ำมาอ่ะ
อาบน้ำเสร็จแล้วยิ่งรู้สึกสดชื่นออกมานั่งเล่นถ่ายรูปกันที่ลำธารหน้าบ้าน
พอแดดร่มลมตก ตกลงกับเพื่อนว่าจะออกไปเดินเล่นแถวสะพานปูนข้ามลำน้ำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
ออกจากอุ่นไอมาง เดินเลี้ยวซ้ายไปตามถนน เป็นทางเข้ามาในหมู่บ้านสะปันเดินมาประมาณ 200 เมตร ก็เจอทางแยกแบบนี้
ทางซ้ายมือคือสะพานปูนข้ามลำน้ำว้า ที่พวกเราตั้งใจมาเดินเล่นบนสะพานปูน เห็นลำน้ำว้าไหลผ่านหมู่บ้านไปไกลสุดทาง
มองมาอีกฟากของสะพานทางฝั่งต้นน้ำเห็นเต็นท์นอนของพวกเราด้วยล่ะ
วันนั้นเป็นวันศุกร์ ช่วงที่ออกมาเดินเล่น เป็นเวลาโรงเรียนเลิกพอดีน้อง ๆ นักเรียนต่างแยกย้ายเดินกลับบ้าน
เด็กหลายคนพอเดินผ่านคนแปลกหน้าอย่างพวกเรา ต่างยกมือไหว้สวัสดีและยิ้มให้เป็นสิ่งที่ประทับใจมากอีกอย่างของการมาเยือนที่นี่ ซึ่งหาได้ยากในสังคมเมืองใหญ่
เดินเล่นแถวหมู่บ้านอยู่พักหนึ่ง ก็เดินกลับมายังที่พัก
น้องๆ นักเรียนที่มีบ้านอยู่ใกล้อุ่นไอมาง พอเลิกเรียนก็มาเล่นน้ำในลำธารเป็นที่สนุกสนาน
ฤดูหนาวฟ้ามืดเร็ว พอแสงแดดลับหายไปหลังทิวเขา ความเย็นก็เข้าปกคลุม
บนเรือนรับรองเปิดไฟแล้ว
บนเรือนรับรองตอนเปิดไฟแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ ดูอบอุ่นดี ... ชอบ
สำหรับอาหารเย็นนั้น ไม่รวมอยู่ในค่าห้องพักผู้เข้าพักสามารถสั่งอาหารล่วงหน้ากับคนดูแลที่พัก ตั้งแต่ช่วงกลางวันที่มาถึงแล้วทางที่พักจะจัดเตรียมไว้ให้
ฟ้าใกล้มืดแล้ว
คืนนั้นมีผู้เข้าพักเต็มทุกหลังเลยค่ะมีแบบมากางเต็นท์นอนด้วย
เต็นท์นั่งเล่นกับสะพานไม้ ตกกลางคืนจะมีการเปิดไฟให้แสงสว่างด้วย
อาหารเย็นของพวกเราค่ะ
ที่นี่จะมีรายการอาหารเป็นเซ็ตไว้บริการในช่วงมื้อเย็นมีอาหาร 4 อย่าง และข้าวสวย จัดเป็นชุดแยกกับผู้เข้าพักกลุ่มอื่น ๆ หมดแล้วขอเติมอีกได้ค่าอาหารมื้อเย็น ราคาคนละ 180 บาท รายการอาหารจะแตกต่างกันในแต่ละวัน จะทานบนเรือนหรือจะลงไปนั่งทานที่เต็นท์ด้านล่างก็ได้
ตอนกลางคืนแสงไฟประดับจากเรือนรับรองและบริเวณรอบที่พักสวยดี
เต็นท์นอนของเราก็สวยนะ ดูโดดเด่นในความมืด 555+
ถ่ายย้อนกลับไปยังเรือนรับรองคืนนั้นหลับสบายมาก อากาศเย็นกำลังดี และด้วยความเพลียจากการเดินทางนั่นเอง
เช้ามานี่แทบไม่อยากตื่นเลย แต่ไม่ได้!!! เราจะพลาดการชื่นชมบรรยากาศในยามเช้าและสูดอากาศดี ๆ ได้ไง
เปิดเต็นท์นอนออกมา บรรยากาศรอบตัวเหมือนอยู่ในความฝัน มีม่านหมอกจาง ๆ ลอยปกคลุมไปทั่ว
สะพานไม้ข้ามลำธารนี้ มองกี่ทีก็ไม่เบื่อ
ยืนมองสายน้ำไหลกับม่านหมอกจาง ๆ ท่ามกลางลมหนาวในยามเช้า ... ฟิน
อาบน้ำแต่งตัว เก็บของให้พร้อม เพราะนัดรถสองแถวมารับตอน 08.30 น.เสร็จแล้วขึ้นไปนั่งทานอาหารเช้าบนเรือน
จากบนเรือนมองลงมาเบื้องล่าง บอกกับตัวเองว่ายังไม่อยากรีบกลับเลย
โกโก้อุ่น ๆ กับปาท่องโก๋โรยนมข้นหวาน
ข้ามต้มเครื่องโปะหน้าด้วยไข่ดาว เมนูนี้สร้างสรรค์เองน่ะ แหะๆ
พอ 8 โมงครึ่ง รถก็มารับตรงเวลา ต้องกลับแล้วสิเนอะ ว้า .....
ชอบที่นี่นะ บอกกับตัวเองในใจ มีโอกาสต้องหาเวลามาพักอีกแน่นอน
พอรถมารับพวกเราที่อุ่นไอมาง ก็มาจอดรอรับผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่คิวรถในบ่อเกลือ
นี่คือคิวรถสองแถวที่ตัว อ.บ่อเกลือ
ระหว่างรอรถออกตามเวลาคิวคือ 09.00 น.เลยลงจากรถมาเดินเล่นแถว ๆ นั้น
ขากลับลงมาที่ อ.ปัว มีผู้โดยสารเพียง 5 คน นั่งกันแบบสบาย ๆ ค่ารถขากลับก็เช่นเดิม คนละ 180 บ. รวมค่ารถที่ไปรับถึงอุ่นไอมางด้วย
ระหว่างทาง เจอป่าเปลี่ยนสีด้วยนะ
เส้นทางหลวงหมายเลข 1256 เป็นอีกหนึ่งถนนลอยฟ้า ที่วิวสองข้างทางสวยมาก
แล้วพวกเราก็กลับลงมาถึงคิวรถที่ อ.ปัว
การเดินทางไปพักผ่อนที่ อุ่นไอมาง ณ สปัน สิ้นสุดลงแล้วแต่การเดินทางของพวกเรายังไม่สิ้นสุด
รีวิวฉบับต่อไปจะพาไปเที่ยวในเวียงน่านกันต่อ รอติดตามด้วยนะคะ
ปล. ขอบคุณเพื่อนสาวผู้ร่วมทริป ที่มาเป็นนางแบบจำเป็น ติดอยู่ในภาพรีวิวอยู่หลายรูป 555+นางบอกว่า จะถ่ายก็ถ่ายไป ตรูขี้เกียจลุกหนีกล้อง
สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้
- ค่ารถทัวร์ กรุงเทพฯ-ปัว = 606 บ.
- ค่าขนมในเซเว่นฯ = 100 บ.
- ค่ารถสองแถวขาไปอุ่นไอมาง = 180 บ.
- ค่าที่พักอุ่นไอมาง 1,300/2 คน = 650 บ.
- ค่าอาหารเย็น = 180 บ.
- ค่ารถสองแถวขากลับลงมา อ.ปัว = 180 บ.
รวมแล้วประมาณ คนละ = 1,896 บ.
ปล. ไม่รวมรถทัวร์ขากลับกรุงเทพฯ เพราะทริปยังไม่จบต้องเข้าเมืองน่านอีกค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม และทุกกำลังใจทุกความคิดเห็นในรีวิวนี้ค่ะ
ที่อยู่ : หมู่บ้านสะปัน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
โทรศัพท์ : 09-7036-2450
___________________________________
ขอบคุณภาพและเรื่องราวจากคุณ คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน สมาชิกพันทิปดอทคอม

LADY BACKPACKER อยากหยุดเวลาไว้ที่แห่งนี้ “อุ่นไอมาง ณ สปัน” (บ่อเกลือ-น่าน)
LADY BACKPACKER อยากหยุดเวลาไว้ที่แห่งนี้ “อุ่นไอมาง ณ สปัน” (บ่อเกลือ-น่าน)
Information
OPEN
- ไม่พบข้อมูล
TEL
- ไม่พบข้อมูล
PRICE
- ไม่พบข้อมูล
ADDRESS
- ไม่พบข้อมูล
FACILITIES
- ไม่พบข้อมูล
CONTACT
- ไม่พบข้อมูล
SHARE

#hashtag
RELATED