แม้ว่าจันทร์-ศุกร์จะต้องง่วนกับงานแค่ไหน เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ใช่วันที่เราจะต้องนอนตื่นสายโด่ง นอนงุดงู้อยู่กับบ้านเหมือนใครหลายๆคน
‘ยิ่งเที่ยว ยิ่งมีพลัง ยิ่งได้ออกเดินทาง ยิ่งรู้สึกสดใส’ ครั้งนี้เราอยากหาที่ที่เราสามารถหายใจทิ้งได้ชิลๆ ใช้ชีวิตลอยๆ ปล่อยเวลาเดินไปเนิบๆ ซึ่งนั่นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราผ่อนคลายโดยไม่ต้องนอนเซ็งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเดิมๆ
หลังจากวิเคราะห์กันแล้วว่า..การเที่ยววันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แค่ 2 วัน โดยที่จะไม่ทำให้เสียพลังงานมากเกินไป ก็คือ ไปที่ไหนก็ได้ใกล้ๆกรุงเทพ!
แล้วก็จบลงที่นี่ "สมุทรสงคราม" จังหวัดซึ่งมีแม่น้ำแม่กลองเป็นแม่น้ำสายหลัก มีตลาด มีคูคลองให้เดินเลาะเล่น จังหวัดใกล้กรุงที่เต็มไปด้วย กุ้ง หอย ปู ปลา และความเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์การเดินทางครั้งนี้ของเราได้ ....
ไปค่ะ .... ตระเวนเที่ยวตลาดน้ำ เดินเล่นลอยไปลอยมา กินอาหารธรรมดาที่แสนพิเศษกัน.. จบปิ๊ง!
| ม า ช้ า ยั ง ดี ก ว่ า ไ ม่ ม า |
“ตลาดน้ำท่าคา” อยู่ในอำเภออัมพวาค่ะ เราเลือกที่นี่เป็นเป้าหมายแรก เพราะรู้มาว่าเป็นตลาดที่ต้องไปแต่เช้า ตลาดนี้เป็นตลาดน้ำเล็กๆที่เราได้ยินเพื่อนพูดถึงอยู่ไม่บ่อยนัก ที่นี่เป็นอีกหนึ่งตลาดน้ำที่ตั้งอยู่ใน จ.สมุทรสงคราม .. แต่เอ้า!! วันนี้ดันติดภารกิจทำให้ต้องออกจากกรุงเทพสาย มองนาฬิกาก็ปาเข้าไปจะ 10 โมง.. เหยียบสิคะ จะรออะไร >_<
พอมาถึงตลาดก็ 11 โมงกว่า ชาวบ้านเริ่มทยอยเก็บร้านแล้ว จริงๆถ้ามาช่วงเช้าเลยเราว่า เรือคงเต็มตลาดแน่ๆ เสียดายจัง.....
เมื่อก่อนตลาดน้ำท่าคาจะเปิดเฉพาะในวันขึ้น หรือแรม 2 ค่ำ, 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ ในช่วงเช้าเป็นต้นไป ต่างจากตลาดน้ำอื่นที่ส่วนใหญ่จะขายตอนกลางวันและวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ปัจจุบัน ตลาดน้ำท่าคาขยายวันเป็นเปิดวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสบรรยากาศของตลาดได้เต็มที่ อย่างวันที่เราไปก็มีฝรั่งหลายกลุ่มเดินเล่น เดินดูของที่ชาวบ้านพายเรือเอามาขาย (ฝรั่งเค้ายังชอบเลย เรานี่อยากให้คนไทยเที่ยวไทยเยอะๆแบบนี้)
ที่นี่เป็นตลาดน้ำเล็กๆที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของชาวบ้านสมัยก่อน พ่อค้า แม่ค้า ใส่เสื้อแขนยาว นุ่งผ้าถุง ใส่งอบ พายเรือเอาของจากบ้านสวนตัวเองออกมาขาย
ส่วนใหญ่ของที่เอามาขายจะเป็น กล้วยน้ำว้า มะนาว รากบัว สายบัว ฟักทอง พริก กระเทียม หรือผลผลิตทางเกษตรอื่น
และที่ขาดไม่ได้คือ “มะพร้าว” เย้! เราเป็นคนชอบกินมะพร้าวมาก ตอนเด็กๆพ่อเฉาะให้กินแทบทุกวัน พอไปอยู่กรุงเทพก็อดไม่ได้ กลั้นใจซื้อน้ำมะพร้าวแก้วละ 35 บาทกินบ่อยๆ เราว่ามันแพงนะ แต่ก็คิดซะว่าอยู่กรุงเทพพ่อค้าแม่ค้าต้องมีค่าขนส่ง .. พยายามจะเข้าใจได้ ทีนี้พอมาเจอมะพร้าวอ่อนตามสวนของชาวบ้าน ยิ่งที่นีมะพร้าวเพียบขายลูกละ 15 บาท เรานี่รีบวิ่งเข้าใส่เลย มะพร้าวอ่อนๆทั้งนั้น ดูสิ บางลูกนี่อ่อนจนแทบไม่มีเนื้อเลย กินกันจนพุงป่อง
บรรยากาศของตลาดน้ำท่าคา มีสะพานให้เดินเล่นชมวิวข้ามไปมา แล้วก็มีร้านกาแฟเล็กๆชื่อ “นิทานกาแฟ” ร้านกาแฟที่ใช้ไม้ไผ่ฉลุทั้งร้านเป็นเรือนไม้ไผ่เลยก็ว่าได้ มีโต๊ะไม้ และเก้าอี้ที่ทำมาจากแคร่ให้นั่งจิบกาแฟชมบรรยากาศริมคลอง วิวดีใช้ได้เลย
แก้วนี้เป็นอเมริกาโน่ร้อนค่ะ 40 บาทไม่ขาดไม่เกิน กาแฟดริปเพรียวๆ จัดชุดเท่ๆเลย แต่ส่วนตัวเราไม่ดื่ม คนที่ดื่มบอกว่ารสชาติดีใช้ได้ ว่าแต่เห็นเซ็ททีเค้าให้มาแล้วคิดถึงอะไรน๊า อ๊อออออ ไม้อันนี้เหมือนที่เคยเห็นเพื่อนเอามาใส่ก้อนหินยิงเล่นกันสมัยก่อนเลยนี่นา ไม้ง่ามใช่มั้ย ใช่สิ ใช่จริงๆด้วย !
แถมค่ะ ในร้านมีขนมกระจุ๊กกระจิ๊ก รวมถึงมีอันนี้ด้วยนะ น้ำพริกชื่อ นิทานพริกเผ็ดค่ะ ชื่อน่ารักเชียว
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศร้านกาแฟมามากพอ ท้องก็ร้องจ้อกๆเรียกร้องความสนใจ หิ้วท้องออกจากร้านไปเดินหาของกินดีกว่า แล้วก็มาเจอร้านอาหารตามสั่งคุณป้า
นี่ค่ะ มีผัดไทเข่งปลาทูด้วยนะ สนนราคาที่จานละ 40 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) เส้นเหนียวแน่นหนึ่บ แบบบีบมะนาวกลีบนึงก็อร่อยเข้าลิ้นเลย พูดละหิว
จานนี้เป็นหอยทอดค่ะ แป้งจะไม่กรอบมากคล้ายๆออส่วน แต่ใส่ด้วยหอยแมงภู่ตัวไม่โตมากนัก แต่เราว่าแป้งกรอบๆอร่อยกว่าค่ะ ลองดูเนอะ
หลังจากที่ท้องอิ่ม มีแรงละค่ะ เราเลยเริ่มออกเดินทางอีกคร้ั้งจากตลาดน้ำท่าคาไปตลาดน้ำคลองบางน้อยค่ะ ได้ยินมาว่าตลาดนี้มีเสน่ห์พอตัวเลยทีเดียว
| รั ก น้ อ ย น้ อ ย แ ต่ รั ก น า น น า น |
สมัยก่อนคนไทยใช้แม่น้ำลำคลองเป็นหลักในการสัญจรไปมาหาสู่ และใช้เป็นเส้นทางการค้าที่ทำให้ชาวไร่ชาวสวนได้ขนสินค้าออกมาค้าขายแลกเปลี่ยนกันกับคนต่างถิ่น ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันเมื่อความเจริญเข้าถึง เราก็จะเห็นถนนคอนกรีตหรือลาดยางตัดผ่านเรือกสวนไร่นาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวบ้าน จนทำให้บางครั้งเราก็หลงลืมความสำคัญของแม่น้ำลำคลองเหล่านี้ไป
แต่ยังมีบางสถานที่เหลือพอให้เห็นว่า ชาวบ้านยังคงใช้ลำคลองในการสัญจร ค้าขาย ซึ่งในปัจจุบันถูกแปรเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปตามยุคตามสมัย..ที่นี่ก็เช่นกัน
"ตลาดน้ำคลองบางน้อย" อำเภอบางคนที อยู่ห่างจากอุทยาน ร.2 อำเภออัมพวา ประมาณ 5 กม. ที่นี่เปิดให้เที่ยวเป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 9โมง-บ่ายสาม โดยประมาณ
ได้ยินว่าสมัยก่อน ชุมชนปากคลองบางน้อยเคยเป็นย่านการค้าทางน้ำที่สำคัญมากในลุ่มน้ำแม่กลอง สินค้าที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นพวกผลไม้จากชาวสวน ทั้งลิ้นจี่ มะม่วง ส้มโอ ชมพู่ กล้วย รวมทั้งกะปิคลองโคลน และมะนาวดอง โดยเรือค้าจะมียาวตั้งแต่วัดเกาะแก้วยาวไปจนถึงวัดไทรเลยทีเดียวค่ะ
และแม้ว่าปัจจุบันชุมชนบางน้อยจะเปลี่ยนจากย่านการค้าเป็นเพียงชุมชนที่อยู่อาศัยกันอย่างที่เงียบสงบ แต่คนในชุมชนก็ยังรักษามรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมเป็นอย่างดี แม่ค้าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยอาศัยย่านนี้แล้วไปทำงานที่อื่น พอเสาร์อาทิตย์ค่อยกลับมาขายของ
แนะนำให้คนที่ชอบเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศริมน้ำสงบๆไม่อึดอัดมาก คนที่ชอบสภาพแวดล้อมของคลองและสวนผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ต้องมาเลยค่ะ
เราเลือกที่จะใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร เพราะรู้สึกว่าทุกคนในชุมชนนี้ใจดี แดดก็ไม่ร้อนมาก คนไม่พลุกพล่าน แถมของกินก็เยอะ ที่ให้ถ่ายรูปชมวิวเพียบ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรก็เดินเพลินๆท่ามกลางบรรยากาศดีๆของที่นี่ไปเรื่อยๆ ลองดูบรรยากาศรอบๆตลาดกันค่ะ
ข้าวเกรียบปากหม้อ
เดินเลาะสะพานข้ามไปดูอีกฝั่งกันดีกว่า
ร้านก๋วยเตี๋ยวริมน้ำ บรรยากาศดี๊ดี ไม่ได้กินแต่แม่ค้าใจดีให้เข้ามานั่งเอาบรรยากาศ
สำหรับคนชอบนวดแนะนำที่นี่เลยค่ะ นวดบนศาลากลางน้ำ แต่ที่นี่จะรับแต่นวดเท้า ไม่มีนวดตัวนะคะ สงสัยกลัวศาลาเอน
แล้วก็มาเจอร้านกาแฟโบราณน่ากินมากค่ะ เห็นราคาเเล้วตกใจ แก้วละ 10 บาท จัดโอเลี้ยงกับน้ำบ๊วยของโปรด 2 แก้วเลยเเล้วกัน รสชาติกลมกล่อมสุดๆให้สิบเต็ม ผ่าน ผ่าน ผ่าน!
ตรงนี้เป็นสภากาแฟนะคะ คนในชุมชนจะมานั่งคุยรวมตัวกันอยู่ตรงนี้ คุยสพเพเหระ เราก็เลยคุยไปจิบน้ำไป ได้อรรถรส
บางคนร้องคาราโอเกะ (ซึ่งเค้าตั้งเป็นชมรมเลยทีเดียว) พี่ๆเสียงดีกันทุกคน
ตลาดบางน้อยมีแต่คนน่ารักแม่ค้าใจดีชวนคุยเล่นแทบทุกร้าน และพูดตบท้ายเป็นเสียงเดียวกันว่า "แล้วมาเที่ยวที่นี่อีกนะลูก" .......
| COCONUT SUGAR ฝรั่งเค้าว่าแบบนั้น |
ตอนนี้ก็บ่ายสามกว่าๆมีเวลาเหลือก่อนเข้าที่พัก เราเลยเเวะไปตลาดอัมพวาก่อน พอไปถึง โอยยยย เอาอีกแล้วอากาศ ทำไมมันร้อนแสนร้อนแบบนี้นะ เราเลยเปลี่ยนใจหันหลังเดินออกจากอัมพวาเพื่อตรงดิ่งไปที่พัก แต่ระหว่างทางหางตาดันเหลือบไปเห็นป้าย "เตาตาล อัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์" เหยๆ ข้างในดูร่มร่นดีนะ แล้วอะไรล่ะคือเตาตาล? มีอะไรอยู่ในนั้น ไม่รอช้าเดินเข้าไปดูเลยดีกว่า
ที่นี่มีการสาธิตวิธีการเลี้ยงไส้เดือนดิน วิธีการทำน้ำส้มสาชูจากมะพร้าว
และเป็นศูนย์การเรียนรู้หลักที่ใช้สาธิตวิธีการทำน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัด เท่าที่สอบถามการทำน้ำตาลคือจะต้องนำกระบอกไม้ไผ่ไปกรีดน้ำเพื่อเก็บเก็บน้ำจากต้นมะพร้าวตาลวันละ 2 รอบ เรียกว่า ตาลเช้าและตาลบ่าย มาเคี่ยวหลายชม.เลยค่ะ ชาวบ้านเค้าเก่งเนอะทำมันจนเป็นอาชีพได้
ที่นี่นอกจากเป็นศูนย์การเรียนรู้เเล้ว ยังมีร้านค้าชุมชน และร้านกาแฟบรรยากาศดีๆซ่อนอยู่ด้วยนะ มองไปมองมาเผลอคิดว่าตัวเองอยู่เชียงใหม่
| ห ลั บ ต า ตื น ลื ม ต า ฝั น |
ถ้าเลือกได้.. เราทุกคนคงเลือกที่จะอยู่ในสถานที่หรืออยู่กับคนที่ไม่ทำให้เราหลุดความเป็นตัวเองเพราะการเป็นตัวเองทำให้เราไม่อึดอัดและไม่ทำให้รู้สึกว่า เราจะต้องหวาดระเเวงหรือต้องคอยระวังว่าจะทำอะไรไม่ดีออกไป
เช่นกัน ... เวลาที่ต้องออกเดินทาง สำหรับเรา .. การเลือกที่พักแต่ละครั้ง เราจะพยายามมองหาสถานที่ที่ใกล้เคียงกับความรู้สึกและสิ่งที่เราอยากเจอ และตอนนี้เรากำลังเดินทางไปในสถานที่นั้น ที่ที่เราคิดว่าน่าจะทำให้เรามีความสุข และได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศริมน้ำอย่างที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น
"เวลาวารี" คือ ที่พักที่ถูกเลือก เจ้าของบ้านพักให้เบอร์พี่กระแตผู้ดูแลบ้านพักมา หลังจากโทรนัดกันเรียบร้อยก็เอารถมาจอดไว้ที่ วัดศรัทธาธรรม เพราะจะต้องต่อเรือเข้าไปที่บ้านพัก จริงๆมีทางเข้าอีกทางซึ่งต้องเดินเท้าเข้าไปที่บ้านพัก แต่ถ้าไปทางนั้นก็จะอดเห็นบรรยากาศหน้าบ้านพักแบบเต็มๆ ..
ความประทับใจแรก .. มักเป็นจุดเริ่มต้น .. ที่ทำให้คนรักกัน
ระหว่างนั่งบนเรือ พี่กระแตเล่าว่า บ้านหลังนี้เดิมเป็นของแม่พี่กระแต ซึ่งแม่และพี่แกอยู่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 คือ 50 กว่าปีแล้ว แต่พี่กระแตก็ได้ขายต่อให้กับเจ้าของบ้านพักปัจจุบัน เพราะเค้าจะทำบ้านพักโดยที่จะไม่เปลี่ยนแบบบ้านและจะรักษาแบบเดิมไว้ให้มากที่สุด
บรรยากาศหน้าบ้านพักของเรา ถ้าเราเลือกไม่มาทางเรือคงเสียใจมาก
บอกตรงๆว่าพอเราลงเรือแล้วขึ้นไปบนบ้าน กรี๊ดเลยค่ะ บ้านพักหลังใหญ่ สวยและน่านอนมาก นี่ขนาดยังไม่ได้นั่งพักนอนพักก็รู้สึกว่าได้พักผ่อนแล้วอ่ะ ชอบมากเลย
มาดูบรรยากาศรอบๆตัวบ้านบ้างดีกว่าค่ะ
มีเตาปิ้งด้วย จริงๆน่าจะซื้อปลาหมึก กะกุ้งมาย่างกินจริงๆเสียดาย
มีเรือยางให้พายเล่นด้วยนะ
ภายในบ้านมี 4 ห้องนอน ทั้งห้องเล็กและใหญ่ต่างกันออกไป สำหรับเราเลือกห้องนี้ค่ะ ดูเหมาะกับเรามากที่สุดแล้ว
อันนี้เป็นส่วนของห้องอื่นๆนะคะ
สุขหรือไม่ .. เค้าให้ดูที่แววตา
ถ่ายรูปกันเพลิน ฟ้าเริ่มมืดแล้วค่ะ บรรยากาศโพล้เพล้ยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม
คืนนี้เราจะนั่งจิบเบียร์กันตรงนี้ล่ะ ชิลมากกกกกก
เหนียวตัวมาทั้งวัน ที่นี่มีห้องน้ำให้ 2 ห้องค่ะ เราเลือกอาบห้องที่มีอ่าง (แต่ก็ดันไม่ได้ใช้เพราะตกดึกอากาศก็หนาวเกินกว่าจะนอนเเช่ในอ่างนี้ง่ะ อด!)
บรรยากาศของที่พัก หรือความรู้สึกของคนที่เดินทางมาด้วยกัน
หรือว่า .... ทุกอย่างมันลงตัวจริงๆ เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราได้พักผ่อน ชาร์จแบต พลังเพิ่ม ยิ้มโดยที่เราไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ จบการเดินทางในวันนี้ คงต้องไปนั่งพัก นอนพัก แล้วยิ้มทักให้กับพระจันทร์เกือบเต็มดวงกันก่อนค่ะ ..
| เ ธ อ เ ห็ น ท้ อ ง ฟ้ า นั่ น ไ ห ม |
จะมีซักกี่ที่.ที่เราจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกในที่เดี่ยวกันได้.
ตั้งนาฬิกาปลุกตืนตั้งแต่เช้า เพื่อลุกขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แสงแดดตอนเช้ากับไออุ่นเบาเบา ทำให้เราไม่อยากมุดอยู่ในที่นอน
พี่ที่เดินทางมากับเรา ชวนลูกสาวกับแฟนตื่นมารับแสงเหมือนกัน พอเห็นรูปนี้แล้วทำให้รู้สึกว่า .. "แสงของพระอาทิตย์ตอนเช้ายังอุ่นไม่เท่าความอบอุ่นของครอบครัวนี้เลย"
แบบนี้รึเปล่านะที่เค้าเรียกว่า แสงสาด
เช้านี้พี่กระแตผู้ใจดี รีบโทรมาหาแต่เช้า เอาโจ๊กมั้ยคะ เอาไข่กระทะมั้ย เดี๋ยวพี่จะมาทำให้ สั่งโจ๊กไปแถมปาท่องโก๋ถุงใหญ่มาอีกต่างหาก .. งานนี้อิ่มท้องจนอยากนอนหลับอีกรอบเลยล่ะ
แดดยังไม่แรงมาก ครอบครัวพี่ๆเลยเอาเรือยางออกมาเล่นน้ำสนุกกันใหญ่
อารมณ์และความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นในหัวใจเราเป็นตัวกำหนดสภาพแวดล้อมรอบตัวว่าจะสวยงามขนาดไหน
เพราะต่อให้ที่ที่เราอยู่จะสงบ หากใจเราไม่สงบ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรและต่อให้ที่ที่เราอยู่วุ่นวาย หากใจเราไม่วุ่นวาย ก็ไม่มีอะไรมาบั่นทอนหัวใจเราได้เช่นกัน
ทำทุกนาทีให้มีค่า ในเวลาที่เหลืออยู่ "เวลา วารี"
| ที่ เ ดิ ม ค ว า ม ท ร ง จ ำ อ า จ ไ ม่ เ ห มื อ น เ ดิ ม |
หลังจาก Check Out ออกจากที่พักอันน่ารักแล้ว ท้องร้องด้วยความหิวอีกครั้ง เราตั้งใจตรงดิ่งไปที่ "ตลาดน้ำอัมพวา" ตลาดน้ำอันคึกคักตั้งแต่สมัยก่อน ไม่ได้มานานหลายปีไม่รู้จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
เราไม่เคยเดินตลาดอัมพวาตอนกลางวันเลย ส่วนใหญ่เราจะมาตอนเย็นหรือค่ำไปแล้วเพราะไม่อยากเดินหลบแดดอันแสนร้อน แต่รอบนี้ไม่เหมือนทุกครั้งเพราะเราเลือกที่จะไปตลาดอื่นมาก่อน แถมออกจากที่พักสายทำให้ต้องมาตอนเที่ยงแดดตรงเป๊งกลางหัวพอดิบพอดี T_Tก่อนจะเดินเล่น .. เอ่ออ .. หิวเเล้วนะ หิวมากด้วย ขอจัดอาหารทะเลเบาๆมื้อนึงละกัน เรามาชิมร้านลุงต่ายซีฟู้ดค่ะ (ร้านอยู่หน้าร้านเบียร์ที่ขายเบียร์ทุกยี่ห้อฝั่งตรงข้ามศาลากาแฟ) อันนี้กินกัน 2 คนนะคะ 3 อย่างแค่นี้พุงก็ใกล้แตกเต็มทีเเล้วค่ะ จิงๆแล้วเรากะจะสังหอยเชลล์เพิ่มอีกอัน ดีนะที่ไม่สั่ง ไม่งั้นคงนั่งสงสารพุงโตๆของตัวเอง ฮ่าๆ
ตำปูปลาร้าหอยดองพริกสองเม็ด หอยดองที่นี่ขึ้นชื่อนะคะ ซ่าใส่ปาก เข้ากับน้ำปลาร้าเลย
ปลาย่าง ว่าจะถ่ายแบบเต็มตัว เผลอกินไป 2 คำ ทนไม่ไหว
อันนี้พี่เจ้าของร้านเบียร์ที่รู้จักกันสั่งให้ค่ะ ต้มแซ่บกระดูกหมู ชามโตม๊ากกก แซ่บสุด
แก้เผ็ดด้วยน้ำมะพร้าวของโปรดเหมือนเดิม ที่นี่แปลกหน่อย น้ำมะพร้าวแต่ละร้านมีหลายราคามาก โชคดีก็จะเจอแบบ 15 บาท โชคไม่ดีจะเจอราคาถึง 30 บาทเหมือนกันนะคะ ดูดีๆเนอะ
เดินสำรวจตลาด เท่าที่เห็นของที่ขายก็ยังเหมือนเดิม ประเภทเดิม แต่ร้านค้าเพิ่มขึ้นเยอะมาก รวมถึงคนที่มาเดินตลาดก็เยอะตามไปด้วย เราเคยคิดว่าไม่มีใครมาเดินตอนเที่ยงหรอก แต่คิดผิดค่ะ นักท่องเที่ยวแห่กันมาจากหลายที่ ส่วนนึงเราว่าเดินทางกลับเข้ากรุงเทพเเล้วผ่านเส้นนี้ก็คงแวะกันซะส่วนใหญ่
ก๋วยเตี๋ยวหน่อกะลา มีที่นั่งชิลห้อยขาเล่นริมน้ำซะด้วย
ผัดไทเจ้าดัง เคยกินสมัยก่อนคนต่อแถวเพียบ มารอบนี้ไม่มีคนเลย สงสัยยังไม่ใช่ช่วงพีค
หลังจากเดินเล่นไปเรื่อยๆ แดดร้อนจนเหงื่อท่วมอีกรอบ เลยตัดสินใจออกจากตลาดน้ำ ไปแวะร้านกาแฟดีกว่าอย่างที่เคยบอก .. เราชอบหาร้านกาแฟใหม่ๆนั่งเล่นกินบรรยากาศ และร้านที่เราเลือกครั้งนี้คือ "Neighbor Kitchen & Cafe" พิกัดจะอยู่ริมถนนฝั่งซ้ายตรงทางที่จะออกไปถนนสุขุมวิทขากลับกรุงเทพเลยค่ะ หาไม่ยาก ลองตาม GPS ดูนะคะ
บรรยากาศร้านดีเลยค่ะ ช่วงที่เราไปคนยังไม่เยอะมากทำให้ได้ดื่มด่ำบรรยากาศภายในร้านได้เต็มที่
เราออเดอร์ ชาเขียวร้อน ชามะนาวเย็น และบานอฟฟี่ค่ะ ที่ร้านบอกว่าบานอฟฟี่เป็นบานอฟฟี่สดนะคะ โอเคมั้ย หืมมม .. บานอฟฟี่สดเป็นยังไงกันนะ แอบงง ก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆไป แต่ก็อร่อยดีนะ เราชอบ ..
จ.สมุทรสงคราม จังหวัดใกล้ๆที่เคยมองข้าม ยังมีอีกหลายที่ที่รอให้ทุกคนไปสัมผัส
====================
เคยสังเกตมั้ย ..ยิ่งโตขึ้น เราจะยิ่งใช้ชีวิตช้าลงยิ่งโตขึ้น เราจะยิ่งขวนขวายหาความเรียบง่ายที่ค่อยๆหายไป
"จงมองตัวเองให้มากขึ้น แล้วใช้ชีวิตอย่างที่เราคิดว่าควรจะเป็น"
====================
กดคีย์บอร์ด : NoTee >> https://www.facebook.com/little.notee
กดชัตเตอร์ : Sabtarin >> https://www.facebook.com/sabtarin.wimolrat https://www.facebook.com/sabtarin.wimolrat
___________
ขอบคุณภาพและเรื่องจากคุณ [UN] FORGOTTEN