วันหยุดปีนี้แอบเยอะ แต่ไม่อยากออกนอกกรุงเทพ ก็เลยหาที่เที่ยว ที่กินแจ่มๆไปถ่ายรูปเล่น มีทั้ง แกลลอรี่ พิพิธภัณฑ์ ร้านกาแฟ แล้วก็ Street ART Graffiti แถวราชเทวี อยู่บ้านติดๆกันหลายวันรู้สึกเบื่อๆ ก็ออกบ้านไปเปิดตา แค่แถวโซนสยามหาที่ชิคๆ เดินไม่เหนื่อยแต่สนุกเพลินได้เหมือนกันแถมไม่ต้องใช้งบเยอะด้วยล่ะเช้านี้เข้า Museum แบบไทยกันสักหน่อย เดินเล่นแถวสยามมานานแต่ไม่มีโอกาสเข้า พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน แบบนี้เลย ครั้งนี้ตั้งใจมามากๆเลยล่ะค่ะ มาเดินชม และแชะ เก็บภาพความเป็นไทยสไตล์ที่นี่ก็ดีไม่น้อยนะคะกับวันหยุดแบบนี้ ที่บ้านจิม ทอมป์สันเมื่อได้ก้าวเข้าไปก้าวแรก สิ่งที่เห็นก็เห็นจะเป็นบ้านเรือนไทย อารมณ์เหมือนได้ย้อนอดีตในยุคทวิภพนั่นเลย เสียดายที่ไม่ได้แต่งไทยมาเดินค่ะ
ประวัติแบบคร่าวๆค่ะ
ของสะสมอันเก่าแก่ล้ำค่าของจิม ทอมป์สัน ที่พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน บ้านเรือนไทยของอดีตนายทหารอเมริกัน เจมส์ เอช. ดับเบิลยู. ทอมป์สัน ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมไหมไทย น่าทึ่งมากเลยล่ะ ทั้งๆที่เป็นทหารอเมริกัน แต่มีความหลงไหลในผ้าไหมของไทย รวมถึงภายในบ้านแต่ละหลังก็จะมีของสะสมของมิสเตอร์จิม ซึ่งเก่าแก่และล้ำค่า ในพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สันแห่งนี้ แต่ถ้าอยากทราบประวัติมากกว่านี้ ลองไปเยี่ยมไปเยือนและไปเที่ยวกันได้ค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่มัคคุเทศก์ เล่าเรื่องราวความเป็นมาของบ้านจิมหลังนี้ให้ฟัง บอกเลยว่าถ้าได้ฟังความเป็นมาต้องเพลินมากๆเลยล่ะ รวมถึงประวัติของ เจมส์ เอช. ดับเบิลยู เจ้าของบ้านหลังนี้ค่ะ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นเรือนไทย ไม้สักมีทั้งหมด 6 หลังด้วยกัน ภายในมีการจัดแสดงสิ่งของโบราณ ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ เจมส์ เอช ดับเบิลยู ทอมป์สัน หรือภาษาอังกฤษ (The James H.W. Thompson Foundation) แล้วก็มีร้านจำหน่ายผ้าไหม ไว้ให้เพื่อนๆได้แวะช้อปปิ้งกันด้วยค่ะ และทุกๆวันช่วงเวลาประมาณ 10โมง จะมีการทอผ้าไหม ซึ่งจัดแสดงอยู่บริเวณด้านหน้าใกล้ๆทางเข้าบ้านหลังแรกเลยค่ะ
ภายในก็จะมีต้นไม้ประดับประดาด้วยไม้นานาชนิดทั้งร่มรื่นและร่มเย็นราวกับเข้ามาในป่าอเมซอนยังไงยังงั้น ร่มรื่นมากจริงๆ และ ที่สำคัญยังตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ด้านหลังก็จะเป็นคลองแสนแสบเรือแล่นวิ่งผ่านไปมา
ก่อนออกจากบ้านจิม อยากแนะนำ Jim Thompson Restaurant and Wine Bar นั่งกินน้ำ กินกาแฟ เค็ก เบเกอรี่ก่อนกลับ สายเค็กอย่างเราต้องไม่พลาดค่ะ เค็กหลากหลายให้เลือกแต่ถ้าจะให้กินมากกว่านี้ก็คงไม่ไหว555 อู้ววว น่ากินไม่พอ อร่อยด้วยค่ะ ทั้งหมดนี้ก็ชื่อเมนูตามนี้ค่ะ เผื่อว่าใครอยากแวะแล้วลองสั่งทาน
Mixed Fruit Tart , Mulberry Lemon Cake (เค้กลูกหม่อนกับมะนาว) , Blueberry Cheese Cake, Lemon Meringue Tart
และชื่นใจได้มากกกกก กับ น้ำอัญชัญมะนาว (Butterfly Pea & Lime Cooler)
สวยงามตามท้องเรื่องจริงๆ ที่พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน แห่งนี้ หากเพื่อนๆจะไปเที่ยวหรือชวนเพื่อนต่างงชาติไปเที่ยว ไปถ่ายภาพโชว์ความเป็นไทยสไตล์แบบเรานี้ก็ไปได้ไม่ยาก การเดินทางง่ายมาก ลงรถไฟฟ้า BTS สถานนีสนามกีฬาแห่งชาติ ทางออกที่ 1 เข้าซอยเกษมสันต์ 2 ระยะทางเข้าซอยประมาณ 200เมตร ก็ถึงแล้วค่ะ ค่าเข้าชม พิพิธภัณฑ์บ้านจิมทอมป์สัน
- 200 บาท สำหรับบุคคลทั่วไป - 100 บาท สำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 22 ปี (แสดงบัตรประชาชนหรือ passport)
*เด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ เข้าชมฟรี (โดยต้องมีผู้ปกครองเข้าชมด้วย)
พิกัด : ซอยเกษมศานติ์2 ถนนพระราม1 แขวงวัดใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เวลาเปิดทำการ : 09.00น. - 17.00น.
เปิดทุกวัน (ไม่มีวันหยุด)
เดินมาไม่ไกลกัน ไม่ไกลแบบที่ว่าเดินไม่ทันจะเหนื่อย ก็จะเจอที่นี่ Yelo House โกดังเก่า ย่านกลางเมืองใกล้สยาม ซอยถัดไปในซอยเกษมสันต์1 แลนด์มาร์ค Creative space Art gallery, ออฟฟิศ และ co-working space และด้านหลังโกดังก็จะเป็นสถานที่ล้างฟิล์มที่เหล่าช่างภาพรู้จักกันดี และมาล้างฟิล์มที่นี่กันเป็นประจำว่าๆไป ที่นี่ก็คือ แหล่งรวมตัวของเหล่านักสร้างสรรค์งานศิลป์ สไตลิสต์ นักออกแบบ-ดีไซน์ เท่าที่พูดมานี้ก็เท่คอดๆแล้วล่ะ สถานที่และผลงานการจัดแสดงภายในก็ยิ่งเท่ และดูดีไปใหญ่ มายังคะ ถ้ายังก็ลองตามรอยมาชมซะนะคร้าาา นอกจากนี้ไม่พอ ที่นี่ YELO House ก็มีพื้นที่สำหรับจัด workshops งาน events ต่างๆนาๆอีกด้วย ส่วนด้านหลังก็จะติดทางเดินริมคลองแสนแสบไปนั่งมองวิวคลองเพลินๆ บรรยากาศเรือแล่นไปมา ได้อีกด้วย อย่างชิลล์!!
และนี่ก็ คือ ผลงานศิลป์ต่างๆนาๆ ที่เค้าเก็บไว้ให้ได้ชมกัน เข้ามาชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และภายใน ยังมีร้านนั่งจิบชา กาแฟให้ได้นั่งเล่นกันชิลล์ๆภายในตึกด้านหน้าชั้นล่างแห่งนี้กันอีกด้วย ว่ามาแบบนี้แล้ว สายอาร์ทไม่ควรพลาดแล้ววว
ทางเดินด้านหลังโกดังนี้ จะติดกับริมคลองแสนแสบ เพื่อนๆที่มาที่นี่สามารถเดินทางมาโดยใช้เรือโดยสารคลองแสนแสบ ท่าสะพานหัวช้างก็ได้ สะดวกแบบไหนก็เดินทางแบบนั้นเลยค่ะ และ ถ้ามาจากบ้านจิมทอป์สัน สามารถเดินผ่าน YELO House โดยใช้เป็นทางลัดมาได้เลย อีกทั้งยังสามารถเดินไปท่าเรือสะพานหัวช้างได้อีกด้วย
ชิคๆ เท่ๆสถานที่สุดท้ายในวันเดียวกัน เดินลัดริมคลองแสนแสบออกมาประมาณ 450 เมตร ไม่ไกลแค่ร้อนนิดๆ555 ก็จะถึง Chalerm La Park Graffiti (กราฟฟิตี้) ย่านราชเทวี งานศิลปะบนกำแพง Chalerm La Park แวะไปถ่ายรูปหนึ่งสาวใสๆ กับผนังแนวกราฟฟิตี้ สตรีทอาร์ท เท่ๆ สีสันสดใส กับลายกราฟฟิตี้เก๋ๆ ชอบมุมไหนไปถ่ายมุมนั้นจ๊ะ สตรีสยามควรมาโดนจ๊ะ!!เชื่อมั้ยว่า...ความร้อนก็ทำอะไรเราไม่ได้คร๊าาา เพราะเราตั้งใจมาแวะมาแชะฝากเพื่อนๆมากๆ มา Take a photo ชิคๆเก็บภาพไปโพสโซเชี่ยลก่อนโกโฮมกันค่ะ เพราะไหนๆก็ได้มาละแวกนี้ทั้งที จะบอกว่าเดินมาก็ไม่ไกลกันเลยนะคะ ทริปนี้ตามรอยได้สบายๆ แค่อากาศร้อนไปนิสสสแต่ก็ดีกว่าฝนตกนะเทอออ
พิกัด ถ้านั่งรถไฟฟ้า BTS ให้ลงสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี ออกประตู 2 เดินไปสะพานหัวช้างให้เลี้ยวซ้ายและเดินเข้าอีกนิดจ้า
หากไปไม่ถูกเปิด GPS มีพัดตามเลยจ้าาาา
ถึงจะเป็นทริปในกรุง ไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็บอกเลยว่า สนุก แล้วก็ฟินไม่ใช่น้อย เอาเป็นว่าวันหน้าวันหลัง เราจะพาไปตะลุยเที่ยวในย่านอื่นๆกันอีกนะจ๊ะ ไว้รอว่าจะพาไปเที่ยวไหนอีกนะจ๊ะ รับรองว่า กินเที่ยวครบรสจ้าาา